กสม.เผย คฝ.สลายม็อบจะนะปี’64 ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ชี้ สน.ดุสิตดำเนินคดีผู้ชุมนุม ทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้าทำเนียบ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64 ภาพโดย iLawFX

กสม.เผย คฝ.สลายม็อบจะนะปี’64 ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ชี้ สน.ดุสิตดำเนินคดีผู้ชุมนุม ทำเกินกว่าเหตุ จี้ ตร.ทบทวนแนวปฏิบัติกับผู้ชุมนุม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 22/2565 โดยมีวาระสำคัญ ดังนี้ กสม.เผยผลการตรวจสอบเหตุสลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ชี้เจ้าหน้าที่ละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ แนะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ทบทวนแนวปฏิบัติในการจัดการการชุมนุม

ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ สลายการชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณทำเนียบรัฐบาล สืบเนื่องจากเครือข่ายกว่า 30 คน ได้เดินทางมารวมตัวเพื่อทวงสัญญาจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา โดยให้มีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) แบบมีส่วนร่วมก่อนดำเนินการโครงการนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า เหตุการณ์การสลายการชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ผู้ถูกร้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลดุสิต มีการกระทำ หรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นหรือไม่ โดยพิจารณาออกเป็น 3 ประเด็น ได้ดังนี้

Advertisement

ประเด็นที่หนึ่ง การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการเข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เห็นว่า การชุมนุมของเครือข่าย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธที่ไม่ถือว่าเป็นความรุนแรง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมการชุมนุมเป็นไปตามแผนปฏิบัติการ โดยมีการเจรจากับผู้ชุมนุมหลายครั้งเพื่อขอให้เคลื่อนย้ายไปชุมนุมนอกบริเวณพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล

แต่เมื่อล่วงเลยเวลาที่กำหนดให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้าย กลับใช้วิธีเข้าสลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยอ้างว่า เนื่องจากในวันที่ 7 ธันวาคม 2564 เป็นวันเปิดทำการ จะมีการใช้เส้นทางหนาแน่น และการชุมนุมมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยผิดกฎหมาย

กสม.เห็นว่า เหตุผลตามที่กล่าวอ้างนี้ยังไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นเหตุแห่งความจำเป็นในการเข้าสลายการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมของผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุมตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองและคุ้มครองไว้ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

Advertisement
ภาพโดย iLawFX

ประเด็นที่สอง การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ต่อผู้ชุมนุมมีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เห็นว่า ในการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมจากการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายควรพิจารณาถึงความได้สัดส่วนเพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม ตลอดจนไม่กระทำการอันใดที่เป็นการจำกัด หรือสร้างภาระแก่ผู้ใช้เสรีภาพดังกล่าวเกินสมควรแก่เหตุ

จากการตรวจสอบพบว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวในฐานความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 ส่งผลให้ผู้ชุมนุมที่ถูกจับต้องเดินทางไปรายงานตัวตามหมายเรียกอยู่เป็นระยะจนถึงปัจจุบัน

กสม.เห็นว่า การดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมกรณีนี้ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เนื่องจากการชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อการติดตามทวงถามการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลต่อโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งสุดท้ายแล้วรัฐบาลได้รับข้อเสนอของผู้ชุมนุมไว้เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง การกระทำของพนักงานสอบสวนจึงเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุและสร้างภาระแก่ผู้ใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ประเด็นที่ 3 การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์การชุมนุมของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นมีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อสื่อมวลชนหรือไม่ จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงพบว่า ในการสลายการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่การชุมนุมและมีการใช้อุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์ส่องไปยังสื่อมวลชนและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ทำให้สื่อมวลชนไม่สามารถถ่ายภาพขณะเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมได้ ทั้งยังอาจทำให้เซ็นเซอร์กล้องได้รับความเสียหายและมีผลต่อการมองเห็นชั่วคราวของดวงตาได้

ดังนั้น หากการใช้สิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่จะต้องอำนวยความสะดวก และไม่ปิดกั้นสื่อมวลชนในการทำหน้าที่รายงานสถานการณ์และข้อเท็จจริงอย่างเสรี โดยไม่สร้างอุปสรรคอันเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนเกินความจำเป็น

จึงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ เป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองและคุ้มครองไว้ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ภาพโดย iLawFX

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น กสม.ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 จึงมีข้อเสนอแนะแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปได้ดังนี้

1) ทบทวนแนวทางปฏิบัติในการควบคุมและจัดการการชุมนุมซึ่งจะต้องไม่กระทำการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ชุมนุม และจัดสถานที่ที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ

2) กำชับแนวทางปฏิบัติต่อการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอันสืบเนื่องมาจากการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ โดยให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังซึ่งต้องคำนึงถึงความได้สัดส่วนและความจำเป็นตามแต่ละกรณี โดยหลีกเลี่ยงการตั้งข้อหาหรือฐานความผิดที่เป็นการจำกัดหรือสร้างภาระแก่ผู้ใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวเกินสมควรแก่เหตุ

3) กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมและดูแลสถานการณ์การชุมนุม อำนวยความสะดวกและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานสถานการณ์และข้อเท็จจริงอย่างเสรี โดยไม่สร้างอุปสรรคอันเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่เกินความจำเป็น หากการใช้สิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้

ทั้งนี้ ให้ดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบกรณีนี้

ภาพโดย iLawFX
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image