ชลิตา-ยุกติ ร่วมเดิน-ยืน-อ่านหยุดขัง หน้าศาลฎีกา ‘พลเมืองโต้กลับ’ เปิดสถิติคดี 112 พุ่ง 201 ราย

ชลิตา-ยุกติ ร่วมเดิน-ยืน-อ่านหยุดขัง หน้าศาลฎีกา ‘พลเมืองโต้กลับ’ เปิดสถิติคดี 112 พุ่ง 201 ราย

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ลานอากง หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสมัชชาคนจน ทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” รอบที่ 3 วันที่ 44 เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวชั่วคราวให้กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกคุมขังโดยยังไม่มีคำตัดสิน โดยยืนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที ทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับสิทธิการประกันตัว

สำหรับวันนี้มีกลุ่มประชาชน นำโดย นายไพศาล จันปาน และนักวิชาการจากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) อาทิ ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมเดินหยุดขังจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ มาร่วมกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” ที่หน้าศาลฎีกาอีกด้วย

อ่านข่าว :

บรรยากาศเวลา 17.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวน “เดิน หยุด ขัง” มาถึงหน้าศาลฎีกา ได้พักผ่อนก่อนรอทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” 1.12 ชั่วโมง ในเวลา 17.30-18.42 น.

Advertisement

นายไพศาลกล่าวว่า วันนี้เราก็เดินเท้ามาด้วยตัวและหัวใจ มาขอความเป็นธรรมจากท่าน อาจจะทำให้ท่านไม่พอใจ เราก็กราบขออภัย มันมีความเมตตากรุณา เราก็กราบขอบพระคุณ

“เราจะมาร่วมยืนหยุดขังกับพลเมืองโต้กลับตรงนี้ พลเมืองโต้กลับจะเริ่มยืน 17.30 น. และเลิก 18.42 น. เราจะร่วมทำกิจกรรมจนเลิกกิจกรรมเพื่อที่จะทวงคืนสิทธิตรงนี้”

Advertisement

 

จากนั้นนายไพศาลกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมเดิน ความว่า ทุกคนมาด้วยกำลังตัวและหัวใจของตัวเอง เดินมาด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ เพื่อมาทวงคืนความยุติธรรม ขอบคุณนายบารมี ชัยรัตน์ ที่มาอำนวยความสะดวก ขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกท่าน ขอบคุณตำรวจ ทหาร และสื่อทุกท่าน ตนไม่ใช่แกนนำ เป็นคนคนหนึ่งที่มีโทรโข่งแล้วอยากสื่อสารกับท่านเท่านั้น

โดยนายไพศาลยังทิ้งเบอร์โทรไว้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้โทรสอบถามด้วย

“ผมเป็นเพียงคนขับแท็กซี่คนหนึ่งที่มองแล้วว่าไม่มีความยุติธรรมในสังคมนี้ เรามาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ เราไม่ได้ปิดการจราจร มาใช้พื้นที่สาธารณะตามสิทธิของเราที่พึงมี พึงใช้ได้ ไม่ใช้เครื่องเสียง เป็นโทรโข่งเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร ขออภัยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และขอบคุณคณาจารย์ทุกท่านที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้” นายไพศาลกล่าว

  

ต่อมา เวลา 17.30 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับเริ่มทำกิจกรรม โดยตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งหน้าป้ายศาลฎีกา ประตู 3 ซึ่งในช่วงเริ่มต้นมีผู้ร่วมยืนกว่า 20 คน ก่อนทยอยเดินทางเข้ามาร่วมอย่างต่อเนื่อง มี รศ.บาหยัน อิ่มสำราญ อดีตอาจารย์จากภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ และนายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือเจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมด้วย

โดยผู้ร่วมกิจกรรมต่างยืนห้อยภาพนักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกคุมขังกว่า 10 ราย พร้อมข้อความ อาทิ ปล่อยเพื่อนเรา Free our friends no 112, ปล่อยนักโทษการเมือง เราต้องการความยุติธรรม Free prisoner Political, We need Justice ไปจนถึงภาพใบหน้านักกิจกรรมทางการเมือง พร้อมข้อความ อาทิ ปล่อยใบปอเพื่อนเรา, ปล่อยบุ้งเพื่อนเรา, ปล่อยสมบัติเพื่อนเรา, ปล่อยคทาธรเพื่อนเรา, ปล่อยพรพจน์เพื่อนเรา, ปล่อยเอกชัย ยกเลิก 112, ปล่อยเวหาเพื่อนเรา, คดี 112 โดนได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น

นอกจากนี้ นักกิจกรรมบางรายยังนำหนังสือมายืนอ่านขณะทำกิจกรรมยืนหยุดขัง บางรายนำร่มประดับรายชื่อนักกิจกรรมทางการเมืองมายืนถือ โดยผู้ร่วมกิจกรรมมีทั้งนักวิชาการ ประชาชน เยาวชน ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ที่นั่งรถเข็นวีลแชร์ร่วมด้วย

กระทั่งเวลา 18.42 น. ครบ 1 ชั่วโมง 12 นาที นายบารมีกล่าวสรุปรายชื่อเพื่อนทะลุแก๊ซ 11 คน ที่ถูกละเมิดสิทธิการประกันตัวและถูกจองจำอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ประกอบด้วย

คดีชุมนุมดินแดง ม็อบ 11 มิถุนา 65 มีจำนวน 2 คน
1.ณัฐพล 2.พลพล

คดีชุมนุมดินแดง ม็อบ 14 มิถุนา 65 มีจำนวน 8 คน ในบันทึกข้อกล่าวหาตำรวจเรียก “กลุ่มผู้ชุมนุม” ว่าเป็น “กลุ่มผู้ก่อความวุ่นวาย” โดยตลอดด้วย มี 3.ศศลักษณ์ 4.พิชัย 5.ใบบุญ 6.สมชาย 7.อัครพล 8.ธีรวิชญ์ 9.หนึ่ง 10.วรวุฒิ

คดีเผายางรถ ม็อบ 15 มิถุนา 65
11.พุฒิพงศ์

นายบารมีกล่าวต่อว่า วันนี้ครึกครื้น มีเพื่อนร่วมเดินหยุดขังมาจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เดินทางระยะประมาณ 6 กิโลเมตรเศษ ด้วยความเหนื่อยล้าแต่ว่ามีพลัง ขอให้พวกเราทุกคนปรบมือต้อนรับทีมที่เดินมาด้วย

“ขอบคุณเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง และไพศาล เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการพาพรรคพวกของเราเดินมาในวันนี้”


จากนั้นนายบารมีกล่าวต่อว่า จากสัปดาห์ที่ผ่านมา สถิติผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 พุ่งไปอย่างน้อย 201 คน ใน 216 คดีแล้ว น่าจะทำนิวไฮไปเรื่อยๆ

“สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ FIDS แถลงเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติการจับกุม ดำเนินคดี ของประชาชนที่ใช้สิทธิในการแสดงออก เรียกร้องให้แก้ ม.112 ด้วย ขณะนี้ยังมีผู้ถูกคุมขังคดี 112 ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ คทาธร, พงษ์เพชร, พรพจน์, ใบปอ, หนอนบุ้ง, เอกชัย และสมบัติ โดยวันนี้อัยการยังยื่นฟ้อง เก็ท โสภณ (นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ) ต่อศาลอาญาในคดี 112 อีกเช่นกัน จากกรณีปราศรัยในการชุมนุมทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.65 คดีนี้ทำให้ก่อนหน้านี้เก็ทถูกฝากขังนานถึง 30 วัน ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้

นอกจากนั้น วันนี้ศาลอาญานัดคดีของ ‘รีฟ’ เยาวชน 18 ปี ในคดี 112 จากการถูกกล่าวหาว่าพ่นสีสเปรย์เรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ที่แยกดินแดง เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ต่อมาคู่ความตกลงนัดสืบพยานกันในวันที่ 16 สิงหาคม 2564-18 สิงหาคม 2566


ศาลสมุทรปราการพิพากษาลงโทษจำคุก ‘ปุญญพัฒน์’ ผู้ป่วยสมาธิสั้นพัฒนาการช้า คดี ม.112 กรณีโพสต์ข้อความในกลุ่มตลาดหลวง 4 ข้อความ ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 12 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 4 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันในชั้นอุทธรณ์ 25,000 บาท

ด้าน ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ม.112 เป็นครั้งที่ 6 หลังสมาชิกกลุ่ม ศปปส.เข้าแจ้งความกับ สน.พหลโยธิน ในกรณีให้สัมภาษณ์สื่อจากการปราศรัย ในม็อบ 2 ธันวา 5 แยกลาดพร้าว และ 25 พฤศจิกาไป SCB”

“คือข่าวคราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นภารกิจของพวกเราที่จะต้องยืนแสดงออก ให้กำลังใจเพื่อนของเราที่อยู่ข้างใน ให้ศาลเห็นว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่ไม่ให้สิทธิการประกันตัว” นายบารมีกล่าว

ก่อนผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 60 คน หันหน้าเข้าหาศาลฎีกา พร้อมชู 3 นิ้ว เปล่งเสียง “ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112” 3 ครั้ง ก่อนถ่ายภาพหมู่ และยุติกิจกรรมด้วยความสงบ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image