‘จตุพร-นกเขา’ บุกทำเนียบ จี้บิ๊กตู่ 9 ข้อแก้วิกฤตพลังงานทันที จ่อเปิดเวทีที่ลานคนเมือง

‘กลุ่มรวมประชาชน’ บุกทำเนียบจี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้วิกฤตพลังงาน แนะ 9 ข้อให้ทำทันที ด้าน ‘ทนายนกเขา’ ท้าตัวต่อตัวดีเบตแก้ ‘จตุพร’ ชวน ปชช.ลุกขึ้น แก้ปัญหาความเดือดร้อน นัด 26 มิ.ย.ที่พีซทีวี-เปิดเวที 3 ก.ค.ลานคนเมือง

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 21 มิถุนายน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา พร้อมด้วยกลุ่มรวมประชาชน ได้อ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อขอให้แก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มรวมประชาชนเห็นว่าขณะนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือความน่าห่วงใยในสภาวะทางเศรษฐกิจอันเป็นภัยต่อประเทศ และมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ทำให้เกิดความทุกข์ยากทั่วทั้งแผ่นดิน และเป็นที่ประจักษ์ชัดไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสาเหตุมาจากรัฐบาลไม่ได้ทำการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง, การบริหารมีคะแนนวัดค่าคอร์รัปชั่นในประเทศ พ.ศ.2564 อยู่อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ โดยองค์กร Transparency International แสดงว่า การบริหารบ้านเมืองยังคงมีสภาพการทุจริต ฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความความตระหนัก สำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน

โดยสาเหตุดังกล่าวทำให้มีผลต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน คือมีหนี้สาธารณะ 10 ล้านล้านบาท, มีหนี้ครัวเรือน 14 ล้านล้านบาท, เกิดสภาวะเงินเฟ้อ, ประเทศมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ทำให้งบประมาณขาดดุลมาต่อเนื่อง, ประชาชนไม่มีรายได้ มีหนี้สินเพิ่มขึ้น, ประชาชนตกงาน ขาดเงินเก็บออม, เกิดความเหลื่อมล้ำ เกิดช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจนมากขึ้น, การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเน้นการกู้ยืมเงินมาแจกประชาชน โดยไม่ก่อรายได้ ไม่ส่งเสริมสร้างงาน, ค่าครองชีพประชาชนสูงขึ้น ทั้งค่าอาหาร สินค้าราคาแพง

ซึ่งสาเหตุดังกล่าวทำให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนต้องแบกรับภาระ ถูกซ้ำเติมด้วยราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเป็นระยะเวลายาวนาน อีกทั้งการอ้างสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนว่าเป็นสาเหตุให้ราคาพลังงานสูงขึ้นนั้น จึงเป็นการกล่าวอ้างโดยอาศัยสถานการณ์ เพราะต้นเหตุที่แท้จริงทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นมาจากวิธีการบริหารกิจการปิโตรเลียมที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันบิดเบือนไม่ถือตามราคาต้นทุนที่แท้จริง มีการอ้างเรื่องการค้าเสรีโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก

Advertisement

กลุ่มรวมประชาชนจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วน 9 ข้อ โดยนายกรัฐมนตรีต้องใช้อำนาจ หน้าที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ยังบังคับใช้อยู่ แก้ไขวิกฤตพลังงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนี้ 1.ยกเลิกราคาน้ำมันทุกประเภทที่อ้างถึงจากประเทศสิงคโปร์ 2.ยกเลิกราคาก๊าซหุงต้มที่อ้างอิงราคาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย 3.กำหนดเพดานราคาค่าการกลั่น 4.กำหนดเพดานราคาค่าการตลาด และควบคุมค่าการตลาดให้อยู่ในระดับตามที่ กพช.ประกาศไว้อย่างเคร่งครัด 5.การกำหนดให้ราคาแอลพีจีลอยตัว เป็นสิ่งที่รัฐบาลผู้ดำเนินการส่งผลให้มีราคาแพงขึ้นอย่างมาก 6.การจัดสรรก๊าซธรรมชาติต้องแก้ไขให้ประชาชนได้รับสิทธิการใช้อย่างเพียงพอก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยให้ภาคอุตสาหกรรม 7.เก็บภาษีลาภลอยของโรงกลั่น 8.จัดหาพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ จากมิตรประเทศ เช่น รัสเซีย อิหร่าน เพื่อแก้ไขวิกฤตพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ อย่างเร่งด่วน 9.ลดภาษีสรรพสามิตลงอีก

ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้ไม่ใช่การเกิดต่อเนื่องอย่างเป็นปกติ แต่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นโดยมีส่วนจากการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือจากกรณีการไปแก้กฎหมายให้ก๊าซธรรมชาติลอยตัว ทำให้ก๊าซมีราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมาก, ไม่กำกับดูแลกิจการพลังงานซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดราคาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลไว้อยู่แล้วที่ 1.45 ราคาเบนซินที่ 1.85 ซึ่งผู้ประกอบการปิโตรเคมีต่างๆ กำหนดเอง แต่ขณะนี้มิได้มีการกระทำในเรื่องดังกล่าว, การอ้างราคาอ้างอิงทั้งที่กระทำไม่ได้ เว้นแต่มีการออกกฎหมายรองรับให้กระทำการได้ แต่การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการออกในลักษณะอุ้มชูกระบวนการที่ไม่โปร่งใส กระบวนการที่ค้ากำไรเกินควร ซึ่งลักษณะการอ้างดังกล่าวอยู่นอกเหนือคำจำกัดความเรื่องการค้าเสรี เท่ากับเป็นการออกกฎหมายไปควบคุมการกระทำการที่เห็นแล้วว่าผิดกฎหมาย แต่ไปกระทำเพื่อให้ถูกกฎหมาย เพื่อสร้างกำไรให้ผู้ประกอบการแต่เพียงอย่างเดียว

Advertisement

นายนิติธรกล่าวว่า การกำหนดเพดานต่างๆ สามารถกำหนดได้เพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไปแต่ก็มิได้กระทำการ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ดังนั้น การอ้างว่าเป็นเพราะสถานการณ์ต่างๆ จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ปัดความรับผิดชอบทั้งหมด แต่โดยแท้ที่จริงแล้วเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่มีปัญหา ส่อให้เกิดปัญหาพลังงาน

นายนิติธรกล่าวว่า ขณะเดียวกันสถานการณ์ระหว่างประเทศขณะนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ยืนอยู่ตรงกลางอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นมิตรกับทุกประเทศอย่างแท้จริงตามที่พูด ก่อให้เกิดปัญหากระทบความสัมพันธ์หลากหลายมิติ ทั้งที่เราเป็นมิตรกับอเมริกาแต่ไม่สามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้ เหล่านี้เป็นเรื่องผิดปกติ และมิชอบด้วยปรัชญาทางกฏหมาย ไม่ชอบด้วยเหตุและผลของการออกกฎหมาย ดังนั้น การกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายปรากฏชัดเจน คือไม่เอาต้นทุนราคาที่แท้จริงมาใช้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งไม่มีกิจการไหนทำได้แบบนี้ ดังนั้น การทำให้เฉพาะกิจการแบบนี้จึงเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน และการออกกฎหมายแบบนี้เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ประชาชนแบกรับภาระ

นายนิติธรกล่าวว่า การกล่าวอ้างว่าราคาน้ำมันของไทยถูกกว่าสิงคโปร์เป็นเรื่องไม่จริงทั้งสิ้น การอ้างว่าเราขึ้นราคาน้อยกว่าสิงคโปร์นั้นเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่ได้บวกค่ากองทุนน้ำมันเข้าไป ทั้งที่สิงคโปร์ไม่มีเรื่องของกองทุนน้ำมัน แต่เอาตัวเลขมาพูดแบบนี้มีเจตนาปกปิด ขณะเดียวกันไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมต้องอ้างอิงสิงคโปร์ ดังนั้น การคิดเอง นึกเอง แล้วเอากฎหมายไปรองรับเพื่อให้ทำได้ในสิ่งที่ไม่ควรทำจึงเป็นการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง เราจึงมีเหตุผลดังกล่าวที่มายื่นให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากนายกรัฐมนตรีจะคัดค้านหรือโต้แย้งหรือจะแถลง ไม่ต้องเสียเวลา ขอให้หลังประชุม ครม.บ่ายนี้มานั่งดีเบตกับตนสองต่อสอง นายกฯเป็นทหาร ตนเป็นทนายความ และประชาชน ความรู้เรื่องพลังงานเราก็พอกัน มาดีเบตกันทีละข้อว่าสิ่งที่เราจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศ แนวคิดไหนเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนมากกว่ากัน

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีการอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มทุนพลังงานมีอำนาจเหนือรัฐ เหนือฝ่ายค้าน มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากราคาพลังงาน การอ้างเรื่องภาวะสงคราม ซึ่งใช้เป็นสาเหตุในการปล้นประชาชน ทั้งนี้ ประวัติศาสตร์ของสงคราม ประชาชนจะเป็นฝ่ายสูญเสียแต่มีกลุ่มทุนบ้างกลุ่มได้ประโยชน์ทุกครั้ง อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีหายนะมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความร่ำรวยกับคนบางกลุ่มในประเทศไทยโดยเฉพาะด้านพลังงาน ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าหากประชาชนไม่ลุกขึ้นมายืนหยัดจัดการเรื่องพลังงานก็จะถูกปล้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

นายจตุพรกล่าวว่า ตนขอเรียนไปยังรัฐบาลว่าความจริงรัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะดำรงอยู่ เพราะยิ่งมีการตรวจสอบมากเท่าไหร่ มีการตรวจสอบยิ่งกว่าชัดเจนเท่าไหร่ ราคาพลังงานที่บริหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ปล้นประชาชนอย่างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรถทัวร์ที่ต้องหยุดวิ่ง แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประชาชน

นายจตุพรกล่าวว่า กลุ่มรวมประชาชนจึงขอนัดหมาย วันอาทิตย์ 26 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00 น. ประชาชนที่เดือดร้อนมาร่วมระดมความคิดเห็นที่พีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก33-1 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร และวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม เวลา 16.00 น. จะใช้ลานคนเมืองเป็นครั้งแรก โดยจะขออนุญาตจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเวทีของประชาชนชำแหละเรื่องพลังงาน ความเดือดร้อนของประชาชน และการทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อฉายให้เห็นว่าประเทศนี้กำลังหายนะ ฉะนั้น ทุกประเด็นที่อยู่ในแถลงหากประชาชนไม่ลุกขึ้นมาจัดการไม่มีวันที่จะแก้ไขปัญหาได้ เราไม่สามารถฝากบ้านเมืองไว้กับการเมืองได้เพียงอย่างเดียว เรื่องบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของประชาชน เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อนเรื่องการเมือง ผลประโยชน์ของชาติย่อมมาก่อนทุกกรณี ขอเรียนไปยังประชาชนว่าใครเดือดร้อนทนราคาน้ำมัน ค่าไฟ และอำนาจของกลุ่มทุนที่แทรกแซงทางการเมืองไม่ได้ มาเจอกันตามที่นัดหมาย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความเดือดร้อนของประชาชนได้ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นมาจัดการ ตนไม่ต้องการกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สยบยอมกับกลุ่มทุนน้ำมันได้อย่างไร ทั้งที่จริงรัฐต้องเอาประชาชนเป็นหลักประชาชนต้องมาก่อนทุกกรณี ไม่ใช่กลุ่มทุนต้องมาก่อนทุกกรณี ดังนั้น ความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์หมดไป เพราะไม่ได้เลือกยืนหยัดเคียงข้างประชาชน แต่ยืนหยัดเคียงข้างผลประโยชน์ของกลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image