ร้องฟัน ‘ชลน่าน-ส.ส.’ ตัดงบลงทุน-ขัดรธน. เรืองไกรเจ้าเดิมยื่นปปช.-อ้างโหวตหั่นต่ำ20%

แฟ้มถาพ

ร้องฟัน ‘ชลน่าน-ส.ส.’ ตัดงบฯลงทุน-ขัด ‘รธน.’ เรืองไกรเจ้าเดิมยื่นปปช.-อ้างโหวตหั่นต่ำ20%

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2566 เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า วันที่ 26 มิถุนายนนี้ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ อีเอ็มเอส ถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมส.ส.รายอื่นๆที่เห็นชอบให้ปรับลดงบรายจ่ายลงทุน ปี 2565 จนต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ว่าเข้าข่ายมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.234(1)หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ถอดความมาจากคลิปหัวข้อ “ประยุทธ์-ชลน่าน” โต้ตัวเลขงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นคลิปการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ที่นพ.ชลน่าน ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า

“ผมชี้ให้ท่านประธานเห็นครับ เอกสารงบประมาณสองเล่มนี้นะครับ สีน้ำเงินคือปี 65 ปีนี้ในเอกสารงบประมาณท่านเชียนไว้ให้เห็นเลยครับ ยอมรับสารภาพผิดต่อหน้านี้เลยว่า งบประมาณที่เป็นงบลงทุนปีที่แล้วนะครับ อยู่ในเอกสารนะครับ ขยายภาพอีกสักนิดหนึ่งนะครับ ท่านตั้งไว้ที่ 20.4 พอดูเอกสารงบประมาณเหลือ 19.76 ครับ ผมถามว่า ขัด พ.ร.บ.วิน้ยการเงินการคลัง มั๊ย จริงอยู่ครับมาตรา 20 บอกว่า ตั้งงบประมาณไม่น้อยกว่า นั้นคือการกระทำแต่แรกคือตั้ง แต่ท่านอย่าเหมารวมว่า กฎหมายเขียนเพียงแค่ตั้งนะ เมื่อปฏิบัติแล้วฉันจะทำยังไงก็ได้ นั้นไม่ใช่ครับท่านประธาน มันหมายถึงว่า ปฏิบัติจริงต้องได้ 20 ด้วย…”

ครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้ตอบชี้แจงว่า “เฉพาะเรื่องแรก ที่ท่านกล่าวมาว่า มีการใช้จ่ายงบประมาณในการลงทุนนั้นลดลงกว่าที่เสนอไว้ ใช่มั๊ย เมื่อกี้ที่อ่านมา ที่กล่าวมาเมื่อสักครู่นะครับ ในปีงบประมาณดังกล่าวนั้น เราเสนองบประมาณเข้ามา … 624,399.8520 ล้านบาท นะครับ ตามเอกสารปี 65 สีน้ำเงินแต่เมื่อถึงขั้นการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ท่าน กรรมการ กรรมาธิการวิสามัญได้มีการปรับลดรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 12,466.4041 ล้านบาท ทำให้เหลือรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 611,933.4479 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.74 ของวงเงินงบประมาณ ใครตัดครับ ผมตั้งออกมาแล้ว ใครตัด…”

Advertisement

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อย้อนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การปรับลดงบลงทุนเกิดขึ้นในชั้นอนุกรรมาธิการ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบในแต่ละหน่วยรับงบประมาณให้ความยินยอมด้วย ต่อมา กมธ.เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบ ให้ปรับลดและนำไปเพิ่มเป็นงบกลาง และต่อมาวันที่ 18 ส.ค. 2564 วาระที่ 2 มาตรา 6 งบกลาง ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นด้วย 326 คน หนึ่งในนั้นคือ นพ.ชลน่าน

นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อนำคำพูดของนพ.ชลน่านที่ว่า “เมื่อปฏิบัติจริงต้องได้ 20 ด้วย” มาพิจารณากับรัฐธรรมนูญ มาตรา 62 มาตรา 140 และ มาตรา 142 แล้วอาจทำให้เห็นได้ว่า กรณีที่เกิดขึ้นควรอยู่ในความรับผิดชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ยินยอมให้ปรับลดรายจ่ายลงทุนจนต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ การปรับลดงบลงทุนดังกล่าว จึงเข้าข่ายที่ต้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า การที่อนุกรรมาธิการปรับลดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความยินยอม และ กมธ.เสียงข้างมาก เห็นด้วย ต่อมาในที่ประชุมสภา ส.ส. ให้ความเห็นชอบในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ตามมานั้น จะเข้าข่ายฝ่าฝืน พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ม.20(1) หรือไม่ และขัดรัฐธรรมนูญ ม.62 ม.140 ม.142 หรือไม่ และจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม. 234(1) หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า แปลกใจที่นพ.ชลน่าน มาพูดในสภาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 65 ว่าเรื่องการปรับลดรายจ่ายลงทุนดังกล่าวว่า ขัดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20(1) หรือไม่ ทั้งที่นพ.ชลน่านเองก็เคยลงมติเห็นด้วยกับการปรับลดรายจ่ายลงทุนดังกล่าวในวาระที่ 2 ของร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 มาตรา 6 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 64

Advertisement

ดังนั้น เรื่องนี้จึงควรให้ ป.ป.ช. สอบนพ.ชลน่าน ผู้นำฝ่ายค้าน เป็นรายแรก แล้วค่อยสอบ ส.ส. และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image