“กห.” ย้ำกองทัพพร้อมเดินหน้าปฏิรูป ปรับปรุง-แปรสภาพ-ยกระดับ ตาม“รบ.- คสช.”
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมครั้งแรกของปีงบประมาณ 2560 โดยกระทรวงกลาโหมพร้อมทำหน้าที่เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลและ คสช. ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการปฏิรูปหน่วยงาน เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศไทยพร้อมกับส่วนราชการอื่น และยังเป็นการปรับตัวต่อสถานการณ์ภัยคุยคามที่มีความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยกระทรวงกลาโหมได้จัดทำร่างแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้าง กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560 – 2569 ( 10 ปี ) รองรับแผนยุทธศาสตร์กระทรวงกลาโหม 20 ปี ซึ่งในระยะ 5 ปีแรก (2560-2564) มีเป้าหมายมุ่งเน้นการปรับปรุงการบริหารจัดการและระบบวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ในระบบงานด้านกำลังพล กำหนดให้จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรของกระทรวงกลาโหม และการพัฒนาระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหม รวมทั้งการดำเนินการตามพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ.2558 และระบบงานการข่าวกรอง กำหนดให้มีการบูรณาการการปฏิบัติงานด้านการข่าวทั้งภายในและภายนอก โดยมุ่งไปสู่ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง อีกทั้งระบบงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร มีการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้มีความเหมาะสมเพื่อการผลิตใช้ในราชการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานในห้วงนี้ จะดำเนินการตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนและเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามเฉพาะหน้าเร่งด่วน ซึ่งการดำเนินการจะเน้นความคล่องตัว สามารถรวมการในภารกิจป้องกันประเทศและช่วยเหลือประชาชน โดยการ “ปรับปรุง-แปรสภาพ-ยกระดับ” อาทิ จัดตั้งศูนย์ไซเบอร์ และพัฒนาขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของแต่ละเหล่าทัพ เพื่อรองรับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างทันท่วงที
โดยในระยะ 5 ปีต่อไป (2565-2569) มีเป้าหมายมุ่งเน้นการพัฒนากองทัพ ให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมและสามารถปฏิบัติภารกิจ ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนยังคงดำรงการปรับลดอัตรากำลังพลในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และยังได้พิจารณาการปิดการบรรจุ หรือยุบเลิกหน่วยที่ไม่จำเป็น หรือไม่คุ้มค่า หรือสามารถปรับโอนกิจการให้ภาคเอกชนดำเนินการได้ ทั้งนี้ “เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างคุ้มค่าที่สุด” อาทิ ปรับปรุงโครงสร้างหน่วยรบของเหล่าทัพให้พร้อมประสานภารกิจร่วมได้ในทุกสถานการณ์
โดยในปีงบประมาณ 2560 นี้ กระทรวงกลาโหม โดยเหล่าทัพ พร้อมปฏิบัติงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศสู่เป้าหมายในอนาคต ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งได้กำหนดทิศทาง แผนงานและกิจกรรม ให้มีความชัดเจนมากขึ้น มุ่งเน้นตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศตามแผนที่นำทาง (Roadmap) เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปตามที่กำหนดทั้งนี้ ต้องดำเนินการ “ด้วยความโปร่งใส และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล”
และในห้วงเวลานี้ ที่คนไทยทั้งประเทศได้มีความรู้สึกร่วมกันในความโศกเศร้า ที่ต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย กระทรวงกลาโหม พร้อมทำหน้าที่สนับสนุนในการจัดงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความมั่นคงปลอดภัยบริเวณพื้นที่พระบรมมหาราชวัง ตลอดจนร่วมดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินและอำนวยความสะดวกให้การช่วยเหลือประชาชนที่มาร่วมพระราชพิธี ทั้งนี้ เพื่อให้การประกอบพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งนี้ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติสูงสุด
นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมยังขอทำหน้าที่ให้การดูแลประชาชนที่ประสบภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลเกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง และมีการทลายของดิน ในหลายจังหวัด ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติใน 3 ลักษณะด้วยกัน คือ 1. ตั้งแต่การเตรียมการ คือก่อนฝนตก เตรียมความพร้อมในการรับปริมาณน้ำฝน โดยขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวา การสร้างพนั้งกั้นน้ำตลอดแนวลำน้ำ และการเปิดทางน้ำ เพื่อลดผลกระทบ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำ ที่ดำเนินการตั้งแต่การทวงคืนผืนป่าและการปลูกป่าอย่าต่อเนื่องที่ผ่านมา…. 2. การดำเนินการอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วยการเคลื่อนย้ายอพยพประชาชน การสร้างที่พักพิงชั่วคราว เปิดทางระบายน้ำและเปลี่ยน เส้นทางน้ำ ไม่ให้กระทบต่อบริเวณชุมชน สนับสนุนการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำประปา น้ำดื่ม และถุงยังชีพ รวมถึงสุขาเคลื่อนที่ และเตรียมกำลังสนับสนุนพร้อมให้การช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ….. 3. การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ โดยเข้าช่วยเหลือ ซ่อมแซม บ้านเรือนประชาชน เส้นทางคมนาคม ปรับพื้นที่และฟื้นฟูอาชีพ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับไปดำรงชีวิตและประกอบอาชีพอย่างปกติสุขได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม…กระทรวงกลาโหมยังได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการสู้รบในซีเรียและอิรัก ที่มีแนวโน้มส่งผลให้กลุ่มหัวรุนแรงการกระจายตัวหลบหนีเข้าไปยังยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์การปะทะกันในรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งจะมีผลให้เกิดการอพยพของชาวโรฮิงยา ไปยังประเทศปลายทาง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน จึงได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการเข้า-ออก ในบริเวณพื้นที่ชายแดน และมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอื่นๆด้วย …ขณะเดียวกันขอความร่วมมือประชาชนในการทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป และร่วมกันติดตามเฝ้าระวังภัยคุกคามต่างๆไปพร้อมกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งพร้อมทำหน้าที่เป็นสถาบันหลักอยู่เคียงข้างประชาชน ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ดีที่สุด