“เพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำ” บุกสภา ร้อง “กมธ.พัฒนาการเมือง” สอบการปฏิบัติหน้าที่ตร.-กรมราชทัณฑ์

‘เพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำ’ บุกสภา ร้อง ‘กมธ.พัฒนาการเมือง’ สอบการปฏิบัติหน้าที่ ตร.-กรมราชทัณฑ์ หลังพบ ‘ทะลุแก๊ซ’ พยายามฆ่าตัวตาย ด้าน ‘อมรัตน์’ โดดรับลูกถกบ่ายนี้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่รัฐสภา กลุ่มเพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำ ยื่นหนังสือถึงนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ผ่านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ในฐานะเลขา กมธ. เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ รวมถึงโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรื่องการดูแลเอาใจใส่ผู้ต้องหา ให้เป็นไปตามสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่พึงมี

โดย น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา อดีตผู้ต้องขังและผู้ต้องหาในคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา ในฐานะตัวแทนกลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นรุ่นพี่ที่ถูกฝากขังพิจารณาคดีนานที่สุดคนหนึ่ง จึงมีความประสงค์ที่จะยื่นหนังสือต่อนางอมรัตน์ ในฐานะ ส.ส.ที่เป็นความหวังของชาวคุกทุกคน โดยทางกลุ่มต้องการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น สิทธิการเยี่ยมผู้ต้องขัง เนื่องจากผู้เข้าเยี่ยมต้องมีรายชื่อหนึ่งใน 10 คนเท่านั้น แต่ตนในฐานะเพื่อนที่ไม่ใช่ญาติจึงไม่สามารถเยี่ยมได้ จึงต้องการเรียกร้องสิทธิในข้อนี้เพื่อให้สามารถเข้าไปเยี่ยมเพื่อนแทนญาติที่ไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมได้

“สิทธิในการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน จึงหวังว่าสิ่งที่มายื่นในวันนี้จะทำให้กลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ สามารถเข้าไปเยี่ยมเพื่อนทุกคนที่อยู่ในเรือนจำในขณะนี้ได้ และขอเรียกร้องความเสมอภาคและยกเลิกสวนสัตว์มนุษย์ในเรือนจำ เนื่องจากเงินบริหารในเรือนจำเป็นส่วนหนึ่งของภาษีที่มาจากประชาชน จึงขอให้ใช้อย่างสมเหตุสมผล” น.ส.ณัฏฐธิดากล่าว

ด้าน นางปุณิกา ชูศรี อดีตผู้ต้องขัง กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีชายชุดดำที่ถูกฝากขังในเรือนจำถึง 2 ปี 7 เดือน จึงอยากเรียกร้องสิทธิความเป็นอยู่ในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขอนามัย การเข้าถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งตนเคยอยู่ในนั้น การที่จะได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์เป็นเรื่องที่ยาก โดยด้านในเรือนจำยังเป็นระบบที่จะต้องตะโกนเรียกผู้คุม เพื่อให้มาดูแลเราในตอนที่เราเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งกว่าจะเรียกได้บางทีก็สายเกินไป ซึ่งคิดว่าควรเปลี่ยนให้มีการติดสัญญาณที่สามารถเรียกผู้คุมได้ ทั้งนี้ ในการติดกล้องวงจรปิด ติดเครื่องสแกนตัวยังสามารถทำได้ แต่เพราะอะไรจึงไม่สามารถติดกริ่งเพื่อจะกดเรียกเจ้าหน้าที่ได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ามีผู้ป่วย

Advertisement

ขณะที่ น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา กล่าวว่า กรณีของนายพลพล จิตรสุภาพ สมาชิกกลุ่มทะลุแก๊ซที่ถูกคุมขังพยามฆ่าตัวตาย โดยการรับประทานยาพาราเซตามอล 60 เม็ด ก่อนถูกนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น รวมถึงมีการกรีดข้อมือตัวเองด้วย ซึ่งเมื่อได้รับข่าวก็ถือว่าเป็นการล่าช้ามาก เพราะเหตุเกิดขึ้นไปแล้ว 2-3 วันแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์และกรมราชทัณฑ์ กลับไม่ได้มีการแจ้งญาติและทนายให้ทราบ จึงตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่า มีการพยายามปกปิดข้อมูลในส่วนนี้หรือไม่ รวมถึงมีความสงสัยในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นสืบสวนจนถึงชั้นศาลที่มีการฝากขัง คือกรณีที่มีการฝากขังโดยที่เจ้าตัวเข้าไปมอบตัวและรายงานตัวด้วยตัวเอง แต่กลับถูกศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งสงสัยในชั้นสอบสวนว่า เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเพื่อไม่ให้ผู้ต้องขังไปแจ้งข้อกล่าวหากับตนใช่หรือไม่ รวมถึงศาลได้ดูเหตุผลและหลักฐานก่อนจะออกหมายจับหรือไม่

“จึงอยากฝาก ส.ส.อมรัตน์ และพรรคก้าวไกล ให้ช่วยกันตรวจสอบ เพราะประชาชนไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าไปดูผู้ต้องขังได้ เราต้องอาศัย ส.ส.ในสภาที่เป็นผู้มีอำนาจจากที่ประชาชนเป็นคนเลือกขึ้นมา และไม่เล็งเห็นเลยว่าจะมีหน่วยงานไหน ที่กล้าจะออกมารับเรื่องเช่นนี้ นอกจากนี้ ยังมีกรณีของนายใบบุญ ไทยพานิช หรือโอม ที่ใช้ฝาปลากระป๋องกรีดแขนเป็นทางยาว ซึ่งเมื่อมีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับศาล ได้มีการใส่ถุงมือยาวทั้งแขน จึงสงสัยว่าราชทัณฑ์พยายามจะปกปิดเรื่องนี้หรือไม่ ทำไมจึงให้น้องใส่ถุงมือ” น.ส.วรรณวลีกล่าว

ด้านนางอมรัตน์กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปคุยกับ กมธ.ในช่วงบ่ายวันนี้ (29 มิถุนายน) ซึ่งสภาที่สร้างมาประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ควรเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้เมื่อมีข้อขัดแย้งอะไร ไม่ใช่เรียกเข้าไปคุยในกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์ ได้อ้างเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง แต่ในขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 กลายเป็นเรื่องประจำถิ่นก็ควรที่จะต้องผ่อนคลายกฎระเบียบในส่วนดังกล่าวลงไปด้วย อย่าให้โลกประณามไปมากกว่านี้ว่า ประเทศเราใช้กฎหมายกลั่นแกล้งนักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางการเมือง เพียงเพราะเขาออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ที่พวกท่านอ้างว่าประเทศเราปกครองแบบนี้อยู่

Advertisement

“ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหลักกฎหมายอย่างเห็นได้ชัดในยุคที่เสื่อมโทรม กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ศาลไม่เป็นศาล องค์กรอิสระไม่เป็นองค์กรอิสระ โดยการพิจารณาในชั้น กมธ.จะมีการเชิญ ผอ.เรือนจำและกรมราชทัณฑ์ เข้ามาชี้แจงอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อ กมธ.ประชุมเสร็จแล้ว เบื้องต้นก็จะมีการเรียกร้องกับกรมราชทัณฑ์ และที่ไม่มีการเรียกร้องกับตำรวจและนายกรัฐมนตรีนั้น เพราะนายกรัฐมนตรีไม่คุยกับดิฉัน ซึ่งก็รอเจอกันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนหน้าเลย” นางอมรัตน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการยื่นหนังสือ ทาง น.ส.ณัฏฐธิดา และมวลชนที่มายื่นหนังสือ ได้มีแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการชูสามนิ้วและตะโกนคำว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” อยู่ประมาณ 3 ครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image