นายกฯ เปิดงาน สูงวัย ใจสมาร์ท ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญผู้สูงอายุ ดันนโยบาย 4 มิติ ดูแลสวัสดิการ-สุขภาพ ออกตัวแม้ร่างกายสูงวัยแต่ในยังหนุ่มสาว-มีไฟ รับบางครั้งท้อ-เหนื่อย แต่ต้องชาร์ทไฟ-ใช้ศาสนาช่วย แนะลูกหลานอย่าทำแต่งาน ให้หาโอกาสไปเจอพ่อแม่
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานในพิธี Kick Off งาน “สูงวัย ใจสมาร์ท” ภายใต้โครงการการจัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อคงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ พร้อมชมนิทรรศการรูปแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตใน 4 มิติ โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ., คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ., ผู้บริหาร ศธ.และตัวแทนผู้สูงอายุจากทั่วประเทศเข้าร่วม ว่า หลายคนอายุน้อยกว่าตน แต่เราไม่ได้แบ่งแยกวัย เพราะพัฒนาคุณภาพชีวิตตลอดทุกช่วงวัยอยู่แล้ว โดยใช้หลัก 3 H คือ Head บริหารด้วยสมอง และความคิด Heart บริหารด้วยใจ มีความเข้าอกเข้าใจ และ Hand บริหารโดยประพฤติตนเป็นแบบอย่าง
“ไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยมาสักพักแล้ว รัฐบาลให้ความสนใจดำเนินการมาโดยตลอด ในปี 2565 ผู้สูงวัยมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด หมายความว่าต้องไปดูสถิติการเกิดที่ลดลง ผู้สูงอายุมากขึ้น ฉะนั้น การขาดอัตรากำลังวัยแรงงานจะลดลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม จะถูกทดแทนด้วยระบบดิจิทัล ออนไลน์เข้ามาเสริม แต่ต้องดูแลผู้สูงอายุ ทำอย่างไรถึงจะมีความสุขต่อไปในอนาคต ในส่วนนี้ รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องสวัสดิการ สุขภาพ ความรู้ ที่อยู่อาศัย เพื่อจะดูแล และวางรากฐานที่ดีให้ผู้สูงอายุ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขในสังคม ซึ่งลูกหลานก็ควรให้เวลา พ่อแม่ผู้ปกครองเสมอ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุถือเป็นผู้มีความรู้ ประสบการณ์สั่งสมมายาวนาน ดังนั้น จะเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธิ์กล่าวต่อว่า ศธ.เป็นกระทรวงหลักร่วมกับอีกหลายกระทรวงในการการผลักดันนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงวัย 4 มิติ คือ สุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม ขอชื่นชมโครงการสูงวัย ใจสมาร์ท ที่ครอบคลุม และต่อยอดในเรื่องการอยู่ร่วมกัน การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม กับสังคมผู้สูงวัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด วันนี้ต้องเตรียมความพร้อมไปข้างหน้า รัฐบาลไม่ได้มองมิติเดียว แต่มองมิติด้านเศรษฐกิจด้วยว่า วันข้างหน้าไทยจะอยู่จุดไหนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อที่จะมีรายได้เพียงพอมาดูแลคนทุกช่วงวัยให้ได้
“รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ รวมถึง ดูเรื่องการลงทุน ทั้งอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น โดยขณะนี้มีทั้งหมด 12 อุตสาหกรรม ที่ต้องเร่งพัฒนา ขณะนี้มีความก้าวหน้าพอสมควร และอุตสาหกรรมที่พัฒนาไปได้มากที่สุด คืออุตสาหกรรมเรื่องลดโลกร้อน การใช้พลังงานบริสุทธิ์ การใช้รถไฟฟ้า วันนี้ผมจะไปพบกับสมาคมธุรกิจฝรั่งเศส ที่จะมาหารือเรื่องการลงทุนในไทย ซึ่งมีทุกวัน อยู่ที่การเจรจา ว่าจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ถ้าคิดแต่จะใช้เงิน แต่หาเงินไม่ได้ ก็ไปไม่ได้เหมือนกัน ผมเข้าใจว่าต้องการการสนับสนุนจากรัฐ ก็ยินดีถ้ามีเงินที่มากพอสมควร วันนี้อาจจะมากบ้างน้อยบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องทยอยดำเนินการ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องของเทคโนโลยี เป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกันก็มีเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเข้ามาดิสรัปชั่นที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น ขอให้สร้างการเรียนรู้ เพื่อสังคมสูงวัย จะได้เป็นผู้ตรวจสอบ ชี้นำ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร สิ่งสำคัญต้องการให้เปลี่ยนมุมมองของรัฐบาล ต้องหาเงินให้มากขึ้น เพิ่มจีดีพี ให้มากขึ้นในทุกมิติเพื่อหาเงินมาดูแลทุกคน ฉะนั้น อนาคตต้องเปลี่ยนมุมมองบทบาทของรัฐบาล จากผู้สงเคราะห์ เป็นการพัฒนา และสร้างความเข้มแข็งทั้งร่างกาย จิตใจ พัฒนาตนเองให้ได้ในวัยเกษียณ
“ดีใจเห็นรอยยิ้ม รู้ว่าทุกคนยังมีไฟ ผมเองบางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ เหนื่อย แต่ก็ต้องชาร์ทไฟขึ้นมาใหม่ ด้วยการพิจารณาหลายอย่าง ซึ่งเรื่องศาสนาช่วยได้มากพอสมควร ก็ขอฝากเพราะจะทำให้ทุกอย่างสงบลง คงเช่นเดียวกันทุกคน ที่พอมีอายุมากขึ้น ก็จะคิดมากขึ้น จะรู้สึกว่าไม่มีใครสนใจ เอาใจใส่ ลูกหลานก็ไม่อยู่ ขณะที่ลูกหลายก็บอกว่าไปทำงาน หาเงิน ทั้งหมดต้องหาทางให้เจอ ไปหาพ่อแม่ อยากให้แต่ละคนไปสืบเสาะว่า แต่ละจังหวัดมีของดีอะไร และจะเอาอะไรเข้ามาเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งผมคิดว่ามีเยอะ ไม่ว่าเรื่องของศิลปวัฒนธรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ จะเพิ่มในเรื่องของรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กลับไปที่วิสาหกิจชุมชน ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โลจิสติกส์ ขนส่งเอง และขายออนไลน์ไปพร้อมกัน วันนี้ต้องเชื่อมต่อคนทั้ง 3 รุ่นให้ได้ โดยได้วางยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20 ปี เพื่อให้ครอบคลุมคนทุกช่วงวัย การสร้างคนการสร้างบ้านเมืองไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ โดยเฉพาะการแปลงเมือง ปรับเปลี่ยน พลิกโฉมประเทศไทยให้ไปสู่อนาคต เป็นสิ่งที่ผู้สูงวัยต้องช่วยกัน รัฐบาลก็เช่นกัน มองว่าทุกคนต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างทั่วถึง ด้วยวิธีการที่เหมาะสม อาจจะช้า แต่ถ้าร่วมมือมากๆ ก็จะเร็วเอง ดีใจที่ทุกคนยังมีไฟ แม้ร่างกายจะสูงวัย อย่างเช่นผม แต่จิตใจผมยังมีหนุ่มสาว เฉพาะเรื่องงาน ไม่มีเรื่องอื่น ชีวิตทุ่มเทให้กับเรื่องงานหมดแล้ว” พล.อ.ประยุทธิ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ย้อนกลับไปดูการทำงาน จะส่งต่อให้คนรุ่นหลังทำได้อย่างไร ซึ่งมียุทธศาสตร์ชาติที่ส่งต่อ ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ทำต่อ ตนเริ่มต้นทำให้ได้ส่วนหนึ่ง หากมองไปข้างหน้า จากการอ่านบทวิเคราะห์นักวิชาการเก่งๆ พูดถึงปี 2585 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า โลกจะไม่ใช่แบบนี้ จะมีหลายอย่างเกิดขึ้นมาใหม่ มีผลกระทบ การแข่งขัน โลกเจริญขึ้น แต่ความขัดแย้งจะสูง ฉะนั้น การเตรียมความพร้อมคนในยุคศตวรรษที่ 21 การแข่งขันจะสูงขึ้น ถ้าวันนี้ไม่มั่นคง ไม่มีหลักคิด อันตรายที่สุด ไม่ต้องถึง 2585 แค่ปีนี้ก็ไปกันไม่ไหวแล้ว เพราะหลายคนให้ความสนใจแต่เรื่องที่ไม่ใช่อนาคตของตัวเอง วันนี้ทุกคนต้องเรียนหนังสือ เรียนให้จบ ให้ได้รับการจ้างงาน มีเงินเดือนรายได้ที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจตรงนี้ รัฐบาลพยายามดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย และหลักประชาธิปไตย ตนไม่ได้อะไรกับใคร สิ่งสำคัญผู้สูงอายุ จะเป็นบุคลากรสำคัญในพื้นที่ที่จะทำให้สังคมสงบสุข
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า กศน.ได้จัดงานเปิดตัว “สูงวัย ใจสมาร์ท กศน. ปลุกพลังใจวัยเก๋า” ทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับตำบล โดยเราได้ทำการเชื่อมสัญญาณจาก 3 พื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.ศรีสะเกษ พิษณุโลก และพัทลุง เข้ามายังการจัดงานในกรุงเทพฯ ด้วย มีประชาชนกว่า 2 แสนคน ที่ได้ติดตามกิจกรรมการเปิดตัวโครงการฯไปพร้อมๆ กัน
“เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา นายกฯ ได้เป็นประธานการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงต่างๆ เพื่อดูแลผู้สูงวัย ผ่านมาไม่ถึง 2 เดือน กศน.ได้ขับเคลื่อนอย่างจริงจัง และสามารถนำมาสู่การจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ โดยการจัดงานในทุกพื้นที่ ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้สูงวัย เพื่อให้ได้องค์ความรู้ เพื่อให้ได้สังคม เพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี และเพื่อให้ได้สภาพแวดล้อม และการใช้เทคโนโลยีที่เกิดประโยชน์ เพื่อผู้สูงวัยได้เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองให้กลายมาเป็น คนมีคุณค่าในหมู่บ้าน ในชุมชน และสามารถใช้ประสบการณ์ชีวิต และมุมมองความคิด มาต่อยอดกิจกรรมต่างๆ สู่การขับเคลื่อนสังคมผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ ลดปัญหา ทั้งส่วนบุคคล และสร้างสังคมที่ดีมีคุณภาพด้วยผู้สูงวัย ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง ศธ.ได้จัดเตรียมงบประมาณในการดูแลเรื่องนี้ไว้แล้ว” น.ส.ตรีนุช กล่าว