‘จิรายุ’ อัด รัฐบาลอย่าดื้อ! ร้อง ยกเลิกประมูลสายสีส้มครั้งที่ 2 ลั่น ไม่อยากเห็น โฮปเวลล์ 2
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ตนอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมาใน “ปฏิบัติการ 16 วันทันใจนาย” ซึ่งเป็นผลงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กระทรวงคมนาคม ว่า เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม) ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาออกมาว่า การล้มประมูลครั้งแรก หลังจากที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โครงการนี้จะส่อภาวะสุญญากาศ และล่าช้าไปอีก ซึ่งในอนาคตตนไม่อยากเป็นเหมือนโครงการโฮปเวลล์ ด้วยประการดังต่อไปนี้ รถไฟสายสีส้มนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.รถไฟฟ้ามหานคร เป็นผู้ก่อสร้างโดยรัฐ ลงทุนตั้งแต่ที่คลองสามวา มีนบุรี ไปจนถึงศูนย์วัฒนธรรม ยกระดับบนถนนรามคำแหง และ 2.จากศูนย์วัฒนธรรมวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไปที่บางขุนนนท์ แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ผู้ชนะการประมูลจะต้องเป็นผู้เดินรถตั้งแต่ คลองสามวา มีนบุรี ยาวไปถึงบางขุนนนท์ เพราะฉะนั้น การก่อสร้างในขณะนี้ที่มีการบอกว่าจะก่อสร้างเสร็จไปแล้วในส่วนที่ 1 คาดว่าน่าจะต้นปีหน้าหรือกลางปีหน้า จะไม่สามารถเดินรถได้อย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ชนะการประมูลจะต้องเดินรถตั้งแต่จุดที่ 1 ไปยังบางขุนนนท์ตามที่ได้กล่าวไว้
นายจิรายุกล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการเปิดประมูลใหม่ในวันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งตนมีความเห็นว่า มี 2 ศาลที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว คือ 1.ศาลปกครองกลาง ที่มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม และ 2.คือศาลอาญา ในคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบพยาน โดยศาลได้เรียกเอกสารสำคัญของ กมธ.ที่ตนเป็นประธาน และสืบหาข้อเท็จจริง เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคดี
“เพราะฉะนั้นจึงฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ถ้ายังดันทุรังในการเปิดประมูลอีกครั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วว่า การประมูลครั้งที่ 1 นั้นขัดต่อกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กลับไปใช้การประมูลครั้งที่ 1 แทน เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดประมูลครั้งที่ 2 แล้วศาลยังยืนยันในกรณีที่ท่านอุทธรณ์ก็หมายความว่า รถไฟฟ้าสายสีส้มต้องล่าช้าไปไม่น้อยกว่า 5 ปี และเหตุผลที่ผมบอกว่าการล่าช้านั้น มาจากการเดินรถไม่เหมือนสายอื่น เพราะการประมูลจะต้องเดินยาวตั้งแต่คลองสามวา มีนบุรี ไปถึงบางขุนนนท์ แต่ตอนนี้ รฟม.สร้างเฉพาะคลองสามวา มีนบุรี ไปถึงแค่ศูนย์วัฒนธรรม” นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้สอบถามไปที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ชี้แจงเป็นเอกสารไปยัง กมธ.ว่า การประมูลล่าช้าและการล้มประมูลครั้งแรก จนทำให้การเดินรถไม่สามารถทำได้นั้น ประเทศไทยจะสูญเสียงบประมาณประมาณปีละไม่น้อยกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นหากล่าช้าไปอย่างน้อย 2 ปี ก็หมายความว่า จะสูญเสียเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นตนขอเรียกร้องไปยังนายกฯอย่าได้วางเฉยเรื่องดังกล่าว และขอให้ รฟม.รวมถึงกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่รัฐมนตรีไปจนถึงผู้ว่าการ รฟม. เพื่อขอให้คิดอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะเปิดประมูลอีกครั้ง
“ผมไม่อยากให้รถไฟฟ้าเป็นเครื่องมือทางด้านการเมือง ใครจะประมูลได้ ก็เป็นเรื่องของผู้ประมูล ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และไม่อยากให้รถไฟฟ้าสายสีส้มจะกลายเป็นโฮปเวลล์ 2 จึงขออนุญาตแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้” นายจิรายุกล่าว
