ไทยสร้างไทย เตือนค่าไฟพุ่ง 5 บาท ฉุดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุดยาวถึงปีหน้า

ไทยสร้างไทย เตือนค่าไฟพุ่ง 5 บาท ฉุดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุดยาวถึงปีหน้า

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กระทุ้งรัฐเร่งอัดแคมเปญชุดใหญ่รณรงค์ประหยัดพลังงานจริงจัง รับมือขึ้นค่าไฟ(เอฟที) งวดสุดท้ายของปีนี้(ก.ย.-ธ.ค.65) เฉียด 5 บาทต่อหน่วย ห่วงเป็นผลพวงฉุดเศรษฐกิจเป็นลูกระนาด ชี้หากคุมค่าไฟไม่อยู่เศรษฐกิจบอบช้ำถึงปีหน้า

การส่งสัญญาณของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนและปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) งวดสุดท้ายของปีนี้(ก.ย.-ธ.ค.2565) และอาจส่งผลให้ค่าไฟฟ้าปรับขึ้นไปแตะเกือบ 5 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมากจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าสัดส่วนประมาณ 60-70% ปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบนั้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าเอฟที งวดสุดท้ายของปีนี้ หากไปเฉียดระดับ 5 บาทต่อหน่วย จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะเท่ากับว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน แพงขึ้นประมาณ 10-20% ย่อมกระทบต่อต้นทุนค่าครองชีพให้วงกว้าง และปัจจุบันนี้ ค่าไฟฟ้าของไทยที่ระดับกว่า 4 บาทต่อหน่วยก็แพงอยู่แล้ว ฉะนั้นหากปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอีก จะยิ่งเป็นภัยร้ายย้ำเติมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ “ค่าไฟฟ้า” ถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของสินค้าและบริการต่างๆ เมื่อต้นทุนค่าครองชีพขยับขึ้น มีโอกาสทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไม่หยุด จากล่าสุด เดือนมิถุนายน 2565 อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ระดับ 7.66% ทำสถิติสูงสุด(นิวไฮ) ต่อเนื่อง 13 ปี ซึ่งภาครัฐเองก็จะเหนื่อยมากขึ้น เพราะจะต้องเร่งเข้ามาแก้ไขค่าครองชีพที่เป็นปัญหาใหญ่ของครัวเรือนรายได้น้อย โดยภาครัฐอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อลง แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรงจะเป็นการซ้ำเติมภาระรายจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนชั้นกลาง ที่มีรายจ่ายประจำทุกเดือนทั้งการผ่อนบ้าน ผ่อนรถเพิ่มขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนก็จะชะลอตัวลง ตลอดจนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ก็ต้องเผชิญกับต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้นด้วย เรียกได้ว่า ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นลูกระนาด

Advertisement

การปรับขึ้น “ค่าไฟฟ้า” จึงถือเป็นอีกภัยร้ายที่สร้างความกังวลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ฉะนั้น ภาครัฐ จะต้องเร่งหาวิธีการรับมือ โดยควรออกมาตรการประหยัดการใช้ไฟฟ้า หรือ แคมเปญส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และเจาะกลุ่มในแต่ละภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมถึงควรกำหนดเป้าหมายหรือมีตัวชี้วัดผลการประหยัดพลังงานที่เห็นผลเป็นรูปธรรมด้วย ที่สำคัญกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ภาครัฐมีมาตรการดูแลให้ส่วนลดค่าไฟฟ้านั้น เป็นมาตรการที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง แต่จะต้องมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธีเพื่อให้เกิดผลในการประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ตลอดจนมาตรการเดิมที่รัฐเคยดำเนินการในอดีตแล้วประสบผลสำเร็จก็ต้องงัดทุกมาตรการออกมาใช้ควบคู่กัน เช่น มาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า(Demand Response :DR) ที่เคยขอความร่วมมือภาคธุรกิจกิจและภาคอุตสาหกรรม ให้ร่วมประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ เป็นต้น

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นในปีนี้ และหากภาครัฐคุมไม่อยู่ ปล่อยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นลากยาวถึงต้นปีหน้า ถึงเวลานั้นภาครัฐจะต้องกลับมาดูว่าปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า รายได้ของภาคประชาชนมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากรายได้ยังอยู่ในระดับต่ำไม่สอดคล้องกับรายจ่าย หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้น “ค่าไฟฟ้าแพง” ย่อมเป็นปัจจัยที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image