“อนุทิน” บินด่วน รุดเยี่ยมแม่ทัพภาคที่ 4 และทหารอีก 6 นาย หลังเกิดอุบัติเหตุแบล๊กฮอว์กลงจอดฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 ก.ค.65 ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บินด่วนลงใต้ นำกระเช้าดอกไม้เยี่ยมให้กำลังใจ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และทหารอีก 6 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพภาคที่ 4 ร่อนลงจอดฉุกเฉินกลางสวนยางพาราในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ขณะนี้ทั้งหมดถูกส่งตัวมารักษาต่อยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และทีมผู้บริหาร และทีมแพทย์ พยาบาล ร่วมต้อนรับ
รายงานว่าในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาถึงนั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 4 กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด และยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ จึงเขียนข้อความฝากไว้ในสมุดเยี่ยมความว่า
“ได้รับทราบข่าวแล้ว จึงรีบบินมาเยี่ยมพี่เกรียงทันที ทุกๆ คนมีความเป็นห่วงมาก แต่ก็เชื่อมั่นว่า พี่เกรียงจะต้องปลอดภัยครับ หายเร็วๆ นะครับ”
รายงานว่านายอนุทินพบกับ คุณคนึงนิตย์ ศรีรักษ์ ภริยาแม่ทัพภาค 4 ซึ่งเป็นผู้แทนรับมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความห่วงใยในครั้งนี้
รายงานว่านายอนุทินเข้าเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่เหลือ 6 นาย ซึ่งขณะนี้พักรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งทีมแพทย์ยังคงเฝ้าสังเกตอาการ และอยู่ระหว่างเอกซเรย์ เพื่อดูสิ่งผิดปกติเพิ่มเติม แต่โดยภาพรวมทุกนายรู้สึกตัวดี ปลอดภัย กำลังใจดี และอยู่ในความดูแลของแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อย่างใกล้ชิดแล้ว
นายอนุทิน เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวยอมรับว่า มีความกังวล เนื่องจากแม่ทัพภาค 4 เป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 ซึ่งมีความสนิทสนมกัน และมักเรียกว่า “พี่เกรียง” เสมอ ขณะเดียวกัน ทีมนักบินที่ประสบเหตุ ส่วนใหญ่รู้จัก และร่วมกันงานบ่อย เห็นทุกคนพ้นขีดอันตราย พร้อมทั้งส่งถึงมือแพทย์ และได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกโล่งใจ
“ผมมั่นใจว่า ทีมแพทย์ และพยาบาล ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จะสามารถดูแล และรักษาผู้บาดเจ็บให้มีอาการดีขึ้นโดยเร็ว ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่า การผ่าตัดของของแม่ทัพภาคที่ 4 จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัย ส่วนตัวมั่นใจว่า แม่ทัพเกรียง มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว เป็นคนจิตใจดี ร่าเริง และต้องหายกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้”
