“ยุทธพงศ์” ซัด “สันติ” เปิดประมูลท่อน้ำอีอีซีไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์เอกชน ลั่นจะฟ้อง ป.ป.ช.-ศาล ถ้ายังเดินหน้าเซ็นสัญญา
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลตามมาตรา 151 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2560 ถึงการคัดเลือกเอกชนในการบริหารระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (EEC) ว่า ดร.สันติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่าใบเสร็จที่ 1 ของนายสันติ เกี่ยวกับการทุจริตในโครงการนี้ 11 มิถุนายน 2564 คณะกรรมการที่ราชพัสดุที่มี ดร.สันติเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารโครงการท่อส่งน้ำทิ้ง 3 สัญญาเป็นสัญญาเดียว และให้คัดเลือกเอกชนโดยไม่เปิดประมูลทั่วไป เพื่อการบริหารระบบส่งน้ำสายหลัก ในภาคตะวันออกต่อไป
การคัดเลือกเอกชนบริหารท่อส่งน้ำสายหลักในตะวันออก 1. หนี พ.ร.บ.ร่วมทุน ทำผิดกฎหมาย ทำให้รัฐเสียหาย พื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ประสบปัญหาการขาดแคลนลงทุนวางท่อน้ำเพิ่มเอง เพื่อผันน้ำมาจากที่อื่นๆเช่น บางปะกง ระยองและจันทบุรี จนมีความยาวถึง 355.9 กม. มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท หากใช้เพียงท่อของธนารักษ์ 135.9 กม.จึงได้มูลค่าโครงการโดย ม.เกษตร คิดเฉพาะระบบท่อกรมธนารักษ์ 135.9 กม. จึงได้มูลค่าโครงการเพียง 2,800 ล้านบาทเท่านั้นซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อหนี พ.ร.บ.ร่วมลงทุน
2. มีการทุจริตเพื่อเอื้อให้กับเอกชน การคัดเลือกไม่โปร่งใส ไม่สุจริต มีการจัดฉากล้มการคัดเลือก กรมธนารักษ์ไม่เปิดข้อมูลอย่างทั่วถึง เชิญเอกชนเพียง 5 ราย ที่สำคัญคือไม่เชิญผลิตท่อประปารายใหญ่ด้วย 3.ล้มเหลวได้เอกชนที่ไม่มีศักยภาพมาบริหารโครงการ ไม่ใช้วิธีการประมูลโดยอ้างว่าเพื่อให้ได้ผู้เข้าร่วมประมูลที่มีศักยภาพและมีประสบการณ์มาบริหารโครงการ ท้ายสุดบริษัท วงษ์สยาม จำกัด ซึ่งไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ และไม่เคยมีประสบการณ์บริหารระบบท่อส่งน้ำมาก่อนเป็นผู้ชนะการคัดเลือก 4.ประชาชนเดือดร้อน จ่ายค่าน้ำแพง ทำลาย EEC กระบวนการคัดเลือกเอกชนบิดเบี้ยว ผิดวัตถุประสงค์ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จ่ายค่าน้ำแพง ลดทอนศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมใน EEC
นายยุทธพงศ์ กล่าวปิดท้ายว่า ตนต้องการให้มีการเปิดประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรมและหากนายสันติยังปล่อยให้มีการลงนามสัญญา ตนจะดำเนินการฟ้องร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติต่อไป