‘เต้’ อุ้มพระ ขอบิณฑบาต ไล่ประยุทธ์ลาออก ปลดปล่อยประเทศ ซัดอยู่ไปก็ไม่มีไรดีขึ้น

ซักฟอกวันที่สาม! “ชวน” กลับมาทำหน้าที่ “เต้” อุ้มพระ ขอบิณฑบาตให้ “บิ๊กตู่” ปลดปล่อยประเทศไทย-ปชช.ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง อยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ขณะที่ “ฝ่ายค้าน” จี้ รมต.เข้าฟังอภิปราย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่สาม

ทั้งนี้ นายชวน ได้แจ้งที่ประชุมก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระว่า วันนี้ฝ่ายค้านจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

จากนั้น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีรีบเดินทางมาที่สภาฯ เพื่อจะได้มาจดประเด็นต่างๆ ที่อภิปรายท่าน จะได้ตอบได้ทันท่วงที ตนกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ว่า ทุจริตได้มาซึ่งอำนาจ บริหารทรัพยากรธรรมชาติแบบแบ่งเค้กกันไปทุจริตเพื่อพยุงอำนาจตนเอง ด้อยปัญญาในการบริหารเศรษฐกิจ ไร้วิธีหาเงินเก่งแต่สร้างหนี้ให้ประเทศ ทำประชาชนสิ้นหวัง ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เรามีทุนสำรองระหว่างประเทศ 8.855 ล้านล้านบาท มีหนี้สาธารณะ 10.11 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60.87% ต่อจีดีพี ซึ่งหากรวมวันนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 แสนล้านบาท ในระยะเวลาช่วง 2 ปี 10 เดือน 27 วัน นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านล้านบาท มีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาลบกับหนี้ตราสารหนี้ที่ขายออกมา เราติดลบ 1.638 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีค่าการกลั่นที่ราคาสูงถึง 5.20 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 22.54 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลควรควบคุมราคาค่ากลั่นน้ำมันให้ต่ำลง ให้เกิน 1 บาทต่อลิตร รวมถึงควบคุมราคาค่าการตลาดไม่ให้เกิน 1.5 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้แต่ยังไม่ได้ทำ

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อนจากค่าไฟแพง ซึ่งในเดือนกันยายนจนถึงเดือนธันวาคม จะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าเป็น 5 บาทต่อยูนิต โดยอ้างว่ามาจากต้นทุน LNG เพิ่มขึ้น แบบนี้ประชาชนจะตายกันหมดเพราะค่าแรงก็ไม่เพิ่ม แต่ค่าครองชีพสูง ซึ่งจากค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นกระทบต่อประชาชนทุกคนในหลายๆ ด้าน ฉะนั้น ต้นทุนของประชาชนที่หาเช้ากินค่ำเดือดร้อนกันหมด มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่เดือดร้อนคือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมถึงนายพลบก เรือ อากาศ ข้าราชการระดับ 9, 10, 11 เพราะสามารถเบิกค่าน้ำมันได้ ที่นายกรัฐมนตรีไม่เดือดร้อนเพราะมีสวัสดิการมากกว่าประชาชน น้ำมันฟรี รถฟรี คนขับรถฟรี ค่าบ้านหลวง ค่าน้ำ ค่าไฟฟรี ค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ค่าข้าวฟรี ทั้งนี้ ปัญหารายได้ของประเทศไทยเกิดมาจากโควิดก็ส่วนหนึ่ง เพราะช่วงก่อนเกิดโควิด ในช่วงยึดอำนาจ รัฐบาลก็จัดงบประมาณขาดดุลประมาณ 2.5-4.5 แสนล้านบาท

Advertisement

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีก็ลุยเรื่องสารพัดค่าปรับจราจรกัน หากปรับเรื่องช่วงเศรษฐกิจกำลังดีไม่มีใครว่า แต่นี่มีการปรับเรื่องค่าคาร์ซิท และยังมีการออกแถลงการณ์ว่าเตรียมออกหมายจับประชาชนที่ค้างค่าปรับเยอะ ซึ่งเป็นการบีบประชาชน รวมทั้งมีการตั้งด่านลอย ด่านกวดขันวินัยจราจร ทั้งนี้ ตนมีข้อเสนอแนะควรยกเลิกค่าส่วนแบ่งค่าปรับจราจร ใช้วิธีการตัดแต้มแทนและไปสอบใบขับขี่ใหม่ ไม่ควรออกหมายจับประชาชน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเครื่องบินรบเมียนมารุกล้ำอธิปไตยไทยที่ จ.ตาก เรดาร์ภาคพื้นดินในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 เป็นอะไรถึงใช้ไม่ได้ และตนก็มาทราบทีหลังว่าเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน แม่ทัพภาคที่ 3 ไปเข้าพบ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ตนจึงเรียกกองทัพบกและกองทัพอากาศมาสอบถามว่า ตกลงแล้วใครผิดมากกว่ากัน ซึ่งคนที่ผิดมากจริงๆ คือกองทัพบก เพราะมีเรดาร์ในการตรวจจับวัตถุในอากาศ สามารถเตือนก่อนได้แต่บังเอิญว่า วันนั้นผบ.ทบ.ติดโควิด สุดท้ายทัวร์ก็มาลงที่กองทัพอากาศ และสุดท้ายจากการตรวจสอบเรื่องการขึ้นบินของเครื่องบิน F16 ของประเทศไทย พบว่าขึ้นบินตอน 14.00 น. จำนวน 2 ลำ ใช้น้ำมันไป 5 แสนบาท และบินอีกครั้งตอน 16.00 น. จำนวน 2 ลำ ใช้น้ำมันอีก 5 แสนบาท บินบ่อยไม่ได้เพราะค่าน้ำมันไม่ค่อยมี

Advertisement

“พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างเกรงใจเมียนมา เปิดให้เครื่องบินรุกล้ำอธิปไตยไทยได้ถึง 5 กิโลเมตร ใช้ปืนกลประหัตประหารชาวกระเหรี่ยงที่เป็นมิตรที่ดีกับประเทศเรามาโดยตลอด และยังทำให้ทรัพย์สินของไทยได้รับความเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์ได้ชื่อว่าเป็นคนเลือดเย็น หรือเรียกว่าอาชญากรทางสงครามเพราะมีคนตายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ที่บัญญัติว่าผู้ใดกระทำการใดให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดให้ราชอาณาจักรตกไปยู่อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐไทยเสื่อมลง ต้องระวังโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

“ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งมา 7 ปี 10 เดือน 27 วัน พิสูจน์แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง อยู่ไปก็เปลืองภาษี ลงพื้นที่ทีก็กลัวตาย ขนตำรวจทหารกว่า 5 พันนาย ตัดสัญญาณมือถือเพราะกลัวถูกลอบสังหาร ถ้ากลัวมากก็ลาออกไปอยู่บ้าน ร.1 ผมอยากพาท่านไปดูหนังกลางแปลงด้วยกันที่กรุงเทพมหานครด้วยกัน 2 คน แต่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างท่านไม่กล้าไป เพราะขี้ขลาดมีตาขาวมากกว่าตาดำ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอมรับเถอะว่าท่านอยู่ไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ อยู่ไปก็เป็นตัวถ่วงของประเทศ ผมอยากให้ท่านปล่อยคนไทยและประเทศเสียที เพราะอยู่ไปก็หาวิธีฉลาดในการหาเงินกำไรมาดูแลประชาชนและประเทศไม่ได้ แต่ถ้าวิธีการขายชาติเพื่อมาพยุงอำนาจของตนเอง ผมเชื่อว่าท่านถนัด

“ดังนั้นวันนี้ตนไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับพระพุทธรูปปางบิณฑบาต ในฐานะที่ผมเป็นผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกมาและไม่ได้ซื้อเสียงแต่บาทเดียว ขอพูดแทนคนไทยกว่า 66 ล้านคน ว่าขอบิณฑบาตพล.อ.ประยุทธ์ให้ปลดปล่อยประเทศไทยและประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียทีเถิด เพราะว่า 8 ปี 2 เดือนอยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์” นายมงคลกิตติ์ กล่าวพร้อมอุ้มพระพุทธรูป

ด้าน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นหารือว่า วันนี้เป็นการอภิปรายไม้ไว้วางใจรัฐมนตรี แต่รู้สึกแปลก เพราะบนบัลลังก์ไม่มีรัฐมนตรีมาเลย จึงขอให้ฝ่ายรัฐบาลเร่งรัดเข้ามาสภาฯ และให้เกียรติสภาด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image