สามัญชนมาเต็มวง ‘แคมป์ราษฎร’ ย้ำชัด 34 จังหวัด มติประชาชนมีค่า
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา เกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพฯ สืบเนื่องสภาผู้แทนราษฎร เปิดการประชุมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 รวม 11 คน ตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม โดยวันนี้เป็นวันที่ 4 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย ก่อนลงมติในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) ขณะที่กลุ่มราษฎรและแนวร่วม ได้จัด “แคมป์ปิ้งฟังสภาอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ตั้งแต่วันที่ 19 – 23 กรกฎาคม พร้อมทั้งเปิดลงมติประชาชนคู่ขนานสภาฯ ใน 34 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะนับคะแนนในวันนี้
เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ลานแคมป์ปิ้งฯ หน้ารัฐสภา กลุ่มราษฎร ทะลุฟ้า และประชาชนกว่า 300 คน ปักหลักร่วมจับตานับผลการลงมติประชาชน และเตรียมพร้อมที่จะยื่นผลการนับคะแนนต่อสภาผู้แทนราษฎรร่วมกัน โดยบริเวณพื้นที่การจัดกิจกรรม มีการตั้งเต็นท์สีขาวหลายจุด ติดป้ายผ้าขนาดใหญ่ตรงทางเข้า ความว่า “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตา ไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์” พร้อมตั้งจอโทรทัศน์ฉายการอภิปรายไม่วางใจในสภาฯ ขณะที่กลุ่มต่างๆ อาทิ ทะลุฟ้า เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และ We Volunteer ร่วมดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ยังมี โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์, ศิลปะปลดแอก ตั้งบูธกิจกรรมโดยรอบ
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ เวลา 17.15 น. วงสามัญชนเต็มวง เริ่มเปิดเวทีด้วยการขึ้นเทวีบรรเลงดนตรีพร้อมมือพิณ นำโดย นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์ นักร้องนำ และนายณัฐพงษ์ ภูแก้ว หรือแก้วใส สามัญชน บรรเลงกีต้าร์ มีนายจตุรภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน ร่วมบรรเลงพิณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงสามัญชนได้เล่น ” บทเพลงของสามัญชน” เป็นเพลงที่ 2 ต่อด้วยเพลงเราคือเพื่อนกัน ระหว่างบรรเลงถึงท่อนท้าย นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจทะลุฟ้า ขึ้นกล่าวบทกวีที่มีเนื้อหากล่าวถึงความทุกข์ยากและน้ำตาของประชาชน จึงต้องปลุกเสียงผู้คนให้ตื่น จึงจะหนักแน่นทั้งแผ่นดิน
โดยสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า กอดคอล้อมวง เปล่งเสียง ‘เราคือเพื่อนกัน’ ดังสนั่น
ต่อมา เวลา 17.38 น. ผู้ร่วมกิจกรรมทยอยออกจากหน้าเวที ก่อนตั้งจุดเตรียมนับคะแนนพร้อมกันทั้ง 6 ภูมิภาค
ระหว่างนี้ พิธีกรกล่าวว่า การโหวตที่จังหวัดพัทลุง มีการกีดกันการลงคะแนน โดยกดดันผ่านครอบครัวของอาสาสมัคร ส่งผลให้ผู้ชุมนุมส่งเสียงโห่
ต่อมา เวลา 17.47 น. ราษฎร เริ่มนับคะแนน โดยมีตัวแทนคณะก้าวหน้า นับคะแนนจากใบโหวตในกล่องลงมติ ภาคกลาง หน่วยลงคะแนนจังหวัดนนทบุรี รหัสกล่อง 093 ท่าน้ำนนทบุรี ขณะที่ นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูนทะลุฟ้า นับคะแนน จังหวัดกรุงเทพ รหัส 088 ซึ่งลงคะแนนที่ตึกกิจการนิสิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ด้าน ตัวแทนภาคีเซฟบางกลอย นับคะแนน ภาคตะวันออก เริ่มจาก หน่วย 039 จ.ราชบุรี ซึ่งลงคะแนนที่พื้นที่ป่า โดยกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นสัญลักษณ์ของการมีส่วนร่วมจากประชาชนชาติพันธุ์ชายขอบ
จากนั้นระหว่างเวลา 21.30-22.00 น. กลุ่มราษฎรและแนวร่วม จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ออกมาร่วมรับผลลงมติจากประชาชนเพื่อแสดงออกให้รัฐบาลเห็นว่าทุกเสียงของประชาชนมีค่า
สำหรับกลุ่มราษฎรและแนวร่วม ได้เริ่มเปิดรับผลลงคะแนนจากประชาชน ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ใน 34 จังหวัด 6 ภูมิภาค จัด 139 จุดลงมติ ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด 12 จุด, อีสาน 10 จังหวัด 28 จุด, ภาคกลาง 9 จังหวัด 89 จุด, ภาคตะวันตก 1 จังหวัด 2 จุด, ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 3 จุด ภาคใต้ 6 จังหวัด 6 จุด โดยในส่วนของกรุงเทพฯ มีกล่องให้กาลงมติกว่า 23 จุด อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ
กลุ่มราษฎรระบุด้วยว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการปิดการลงมติประชาชนจุดสุดท้ายที่หน้ารัฐสภา หลังจากที่มีการเปิดลงมติประชาชนจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 17,000 เสียง จาก 6 ภูมิภาค 34 จังหวัด 139 จุด ที่แม้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของเสียงทั้งประเทศ ไม่ยืนยันว่ามีความเป็นกลาง รวมถึงไม่ได้มีผลใดๆ ทางกฎหมาย แต่เสียงเหล่านี้เป็นการแสดงออก เป็นความเห็น เป็นความต้องการส่งเสียงของผู้ที่มีตัวตน มีชีวิตอยู่จริง ไม่ว่าจะ “ไว้วางใจ” หรือ “ไม่ไว้วางใจ” เสียงทุกเสียงจะถูกนับร่วมกัน และส่งต่อผลการนับให้ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ก่อนการยกมือลงมติ “ไว้วางใจ” หรือ “ไม่ไว้วางใจ” และหวังว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเรา” จะรับฟังด้วยความตระหนัก และไม่ลืมว่าตนเป็นตัวแทนของเสียงที่มีชีวิตเหล่านี้
ในส่วนของรัฐมนตรีทั้ง 11 คนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในการทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
