9.00 INDEX วิเคราะห์ กระบวนท่า “ลาออก” ก้าวย่างเศรษฐกิจ มิใช่การเมือง

หากประเมินผ่าน “การลาออก” เหมือนกับว่า “สมาคมโรงสีข้าว ไทย” จะใช้กระบวนท่า
“ถอย”
นั่นก็คือ ถอยออกจาก “สมรภูมิ” ถอยออกจาก “ความขัดแย้ง” ทั้งมวล
กระนั้น “ถอย” ครั้งนี้ก็มิได้ถอยแบบ”หนียะย่าย”
ตรงกัน แต่ละถ้อยคำอัน นายมานัส กิจประเสริฐ กลั่นออกมาแถลงในฐานะนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย
บ่งบอกว่า เป็นการถอยอย่างมี”การต่อสู้”
เพียงแต่สิ่งที่สมาคมโรงสีข้าวไทยยืนหยัดและจำเป็นต้องต่อสู้ยังอยู่ในกรอบแห่งหลักการของ “สมาคม”
นั่นก็คือ 1 ยืนหยัดไม่เกี่ยวกับ”การเมือง”
นั่นก็คือ 1 ยืนหยัดว่าดำเนินธุรกรรมทุกอย่างอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด กลไกราคา ครบถ้วน
ตรงนี้แหละที่ “สมาคม” สำแดงความเป็น”มวยหลัก”

ที่ข้าวเปลือกราคาตกต่ำขอให้พิจารณาถึงราคาข้าวสารที่โรงสีขายออกไปด้วยว่าสอดคล้องกับราคาข้าวเปลือกหรือไม่
ราคาที่โรงสีขายสอดคล้อง ไม่ได้สวนทาง
ณ ขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ(ความชื้น 10 %)ตันละ 9,000-9,500 บาท ข้าวสารหอมมะลิตันละ 15,000 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า(ความชื้น 15 %)ตันละ 11,000 บาท
พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเครื่องชั่งเพื่อความโปร่งใส และเสนอให้มีเครื่องชั่งกลางเพื่อให้ชาวนาตรวจสอบก่อนมาขายให้โรงสีด้วย
ราคาข้าวเปลือกที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากราคาข้าวตลาด โลกที่ลดลง และผลผลิตข้าวออกมาปริมาณมาก
สมาคมพร้อมสนับสนุนชาวนาที่ขายข้าวให้กับเรา หรือชาวนาที่ต้องการขายข้าวเอง ใครติดขัดเรื่องอะไรก็แจ้งสมาคมให้สนับสนุน
หรือเป็นพี่เลี้ยงได้

ทุกถ้อยคำอันมาจากปากของ นายมานัส กิจประเสริฐ กระทำในนาม “สมาคมโรงสีข้าวไทย”
ไม่มีอะไรเลยที่สะท้อนนัยยะทาง “การเมือง”
ไม่มีอะไรเลยที่แสดงให้เห็นว่าเป็น”การสมคบคิด”ระหว่าง”โรงสี”กับ “กลุ่มการเมือง”
นี่เป็นเรื่องในทาง “เศรษฐศาสตร์” ล้วน-ล้วน
เป็นความสัมพันธ์ในเชิงธุรกรรมระหว่าง 3 ส่วนที่เกี่ยวข้องและต่อเนื่องกัน
1 ก็คือ “ตลาดโลก” อันมี”ผู้ส่งออก”แสดงบทบาท
1 ก็คือ “โรงสี” อันมี”สมาคมโรงสีข้าวไทย”แสดงบทบาทอย่างสำคัญ
1 ก็คือ “ชาวนา”
คนที่กำหนดก็คือ “ตลาดโลก” คือ”ผู้ส่งออก”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image