ข่าวหน้า 1 แน่นวัดพระแก้ว สวดมนต์13บท ถวายเป็นพระราชกุศล

แน่นวัดพระแก้ว สวดมนต์13บท ถวายเป็นพระราชกุศล พระ300-ชาวพุทธร่วม ผวจ.ประจวบจัดเตรียม บวงสรวงตัดจันทน์หอม พระสงฆ์ 300 รูปเจริญจิตตภาวนา สวดมนต์ถวายในหลวง ครั้งต่อไป 4 ธ.ค. วัดทั่วประเทศจัดทุกวันจันทร์ พสกนิกรต่อแถวเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ


@ พระเทพฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมด้วย มร.เดวิล วีลเลอร์ สามี และคุณแม็กซิมัส จุลรัตน์ วีลเลอร์ บุตรชาย ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่ 23 โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร

เวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร

เวลา 18.52 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิอดุลยเดช มีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร

Advertisement

@ จัดสวดมนต์ใหญ่ที่วัดพระแก้ว

เวลา 16.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มหาเถรสมาคม (มส.) ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีนายสุวพันธุ์

ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้ มีพระเถรานุเถระใเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 300 รูป ร่วมพิธี ประกอบด้วย กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะฝ่ายปกครอง ในระดับต่างๆ ทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกาย

Advertisement

ทั้งนี้ บทสวดมีทั้งสิ้น 13 บท ประกอบด้วย ปุพพะภาคะนะมะกาโร, สะระณะคะมะนะปาโฐ, ปัพพะโตปะมะคาถา, อะริยะธะนะคาถา (ต่อ), อาทิตตะปะริยายะสุตตัง, สะติปัฏฐานะปาโฐ, ภาระสุตตะคาถา, ติลักขะณาทิคาถา, วิปัสสะนาภูมิปาโฐ, ปัฏฐานะมาติกาปาโฐ, ติอุทานะคาถา, ภัทเทกะรัตตะคาถา และภะวะตุ สัพพะมังคะลัง

@ ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพสกนิกรมาร่วมสวดพระพุทธมนต์เป็นจำนวนมาก นั่งบนเก้าอี้พลาสติกเต็มโดยรอบพระอุโบสถที่สำนักพระราชวังจัดให้ ขณะที่พสกนิกรที่มาสวดจะได้รับแจกพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และหนังสือ “สวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ซึ่ง พศ.ได้จัดพิมพ์หนังสือแจก 5,000 ฉบับ

นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ปกติจะใช้ชื่อพิธีว่า เจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะสมกับงานพระราชพิธีที่ดำเนินอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ใช้ชื่องานว่า พิธีสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และให้เปลี่ยนมาใช้บทสวดสำหรับงานพิธีอวมงคล

“ครั้งนี้เป็นการสวดพระพุทธมนต์เป็นครั้งแรก มีวัตถุประสงค์ต้องการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ร่วมกับประชาชน ขณะที่การสวดพระพุทธมนต์รอบต่อไปวันที่ 5 ธันวาคม จะเลื่อนขึ้นมาวันที่ 4 ธันวาคมนี้ จึงขอเชิญชวนพสกนิกรมาร่วมสวดพระพุทธมนต์ในเวลา 16.00-17.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม” นายสุวพันธุ์กล่าว

สวดพระพุทธมนต์ – พสกนิกรร่วมสวดพระพุทธมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 5 พฤศิกายน

@ วัดทั่วปท.จัดสวดทุกวันจันทร์

นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า นอกจากการสวดพระพุทธมนต์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามทุกวันที่ 5 ของเดือนแล้ว ทุกวันจันทร์ทุกวัดทั่วประเทศจะมีการสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และจะมีการสวดเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

“โครงการอุปสมบททั่วประเทศถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 10,000 รูป แบ่งเป็นจังหวัดละ 89 รูป ขณะนี้มีการแจ้งความประสงค์เกินกว่าจำนวนที่กำหนดแล้ว ซึ่งการบวชอุปสมบทครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) และครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคม เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) โดยอุปสมบทเป็นเวลาครั้งละ 9 วัน” นายบุญเชิดกล่าว

@ พระบรมฯพระราชทานอาหาร

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพระองค์นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานที่นำแจกจ่ายแก่ประชาชน ประกอบด้วย มื้อเช้า ก๋วยจั๊บน้ำข้น 1,500 ชุด นมกล่อง 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน ขนมจีบ ซาลาเปา 2,000 ชุด ข้าวขาหมู 4,000 ชุด ส้ม 10 เข่ง มื้อบ่าย ขนมไทย 1,000 ชุด พิซซ่ากล่องเล็ก 1,000 ชุด เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็น ข้าวสตูไก่+กุนเชียง 1,500 ชุด บะหมี่หมูแดง 1,500 ชุด ขณะเดียวกันมีน้ำสมุนไพร 500 ลิตร ให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

@ พระองค์โสมประทานไก่ทอด

ส่วนที่รถเคลื่อนที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย หน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ทรงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก นำข้าวเหนียวไก่ทอดมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชน โดยมีไก่ที่นำมาทอดสูตรประทาน 1,200 กิโลกรัม พร้อมข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม ขณะเดียวกันมีคณะครู นักศึกษา แม่ครัวจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และนักเรียนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จำนวน 50 คน แบ่งเป็นสองผลัด มาร่วมช่วยกันห่อข้าวเหนียวไก่ทอดตลอดทั้งวัน

@ เปิดให้ถวายบังคมก่อนเวลา

ด้านบรรยากาศพสกนิกรเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศพร้อมครอบครัว หลั่งไหลมารอต่อแถวเป็นจำนวนมาก จากเต็นท์สีขาวถนนหน้าพระธาตุ ยาวขึ้นไปท้องสนามหลวง วนพื้นอิฐรอบสนามหลวงตั้งแต่ทิศใต้ขึ้นไปถึงทิศเหนือ ท้ายแถวยังตัดเข้าสนามหญ้าทางทิศเหนือ วกไปวนมากว่า 3 กิโลเมตร

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพก่อนเวลาจริง ตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยให้พสกนิกรเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ครั้นถึงเวลา 08.30 น. ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อบัตรเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ได้เปลี่ยนมาให้พสกนิกรเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ แต่พสกนิกรที่นั่งบนรถวีลแชร์เข้าทางประตูวิเศษไชยศรีตามเดิม

@ เข้าคิวข้ามคืนกราบพระบรมศพ

นายสมคิด แจ้งกระจ่าง อายุ 49 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ มาต่อแถวพร้อมลูกๆ และญาติ ตั้งแต่เวลา 03.30 น. กล่าวว่า ตั้งใจอยากมาถวายสักการะพระองค์ โดยเดินทางด้วยรถไฟมาตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อมาถึงก็มาต่อแถวเลย รู้สึกปลื้มใจมากที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ทั้งนี้ ตนและชาว จ.นครสวรรค์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงคิดค้นโครงการฝนหลวง ช่วยให้ราษฎรมีน้ำกินและใช้แม้จะเป็นช่วงหน้าแล้ง รวมถึงโครงการชลประทานต่างๆ โดยเฉพาะเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ที่ทำให้ชาว จ.นครสวรรค์ที่อยู่เหนือเขื่อนมีน้ำใช้

นายอนุวัฒน์ อริยะมนตรี อายุ 34 ปี ชาว จ.นครราชสีมา มายืนต่อแถวพร้อมภรรยาที่ตั้งครรภ์ 5 เดือน ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ได้เข้าตอน 09.00 น. กล่าวว่า ติดตามพระองค์ท่านจากข่าวพระราชสำนักในโทรทัศน์ตลอด เห็นภาพ

ที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปหลายพื้นที่เพื่อช่วยเหลือดูแลราษฎร ทำให้รู้สึกประทับใจและรักพระองค์ท่านมาก จึงพากันนั่งรถทัวร์กันมา ถึงแม้จะยืนต่อแถวหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้กราบถวายบังคมพระบรมศพ ตนและภรรยาก็อดทนได้ อีกทั้งยังรู้สึกประทับใจและหายเหนื่อยเมื่อได้สมดังหวัง

@ จิตอาสาแปลภาษาให้ต่างชาติ

นายสมยศ สุนทรวิภาต อายุ 72 ปี ข้าราชการบำนาญ สมัครใจมาเป็นจิตอาสาแปลภาษาอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวชมวัดพระแก้ว บริเวณประตูเทวาภิรมย์ ด้านข้างพระบรมมหาราชวัง กล่าวว่า วันเสาร์และวันอาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวชมวัดพระแก้วจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนชาวไทยที่มากราบถวายบังคมพระบรมศพก็มากเช่นกัน อาจทำให้เกิดความสับสน นักท่องเที่ยวบางคนหาทางเข้าไม่ได้ คิดว่าประตูเทวาภิรมย์คือทางเข้าเพราะเห็นคนเยอะ บางคนไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อาจได้รับคำอธิบายไม่เข้าใจ

“เมื่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการต่างประเทศเปิดรับอาสาสมัครแปลภาษา ผมซึ่งพอมีความสามารถทางด้านภาษาจึงสมัครมาร่วมเป็นจิตอาสา ร่วมกับนิสิตนักศึกษาอีกหลายคน เพื่อมาช่วยอำนวยความสะดวกและอธิบายให้ถูก ซึ่งวันแรกนี้มีอาสาสมัครแปลภาษา 10 ภาษา เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เป็นต้น” นายสมยศกล่าว

@ สั่งห้ามตัดผม-นวด-ย้อมผ้า

ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังการประชุมร่วม กอร.รส.ว่า ในทุกๆ วันมีประชาชนเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงประมาณ 130,000 คน และมี 30,000 คน ที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ดังนั้นคนที่เหลือจึงเข้าร่วมทำกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในสนามหลวง ที่ไม่เกี่ยวกับการกราบถวายบังคมพระบรมศพ อาทิ ตัดผม นวด วาดภาพ สกรีนเสื้อ หรือย้อมผ้า จึงขอความกรุณาให้ออกจากพื้นที่

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือคนที่จะมาจัดกิจกรรม ให้เน้นเพื่ออำนวยความสะดวกคนที่เข้ามาสักการะ เช่น เรื่องน้ำและอาหาร เป็นต้น แต่จะขอความร่วมมือให้แจกเป็นรอบ ขณะนี้ผู้ค้าแผงลอยยังคงนำสินค้ามาวางจำหน่าย พบว่ามีการกระทำบางอย่างมิบังควรและแอบอ้าง ถึงขั้นผ่านพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นคนต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรื่องอะไร กอร.รส.จะเอาคนกลุ่มนี้มาขึ้นบัญชี เช่น เดียวกับกลุ่มจักรยานยนต์อาสาที่รับเรียกเก็บเงิน ก็จะดำเนินการด้วย

@ คนไร้ที่พึ่งลดลง-จับเมาส่งตร.

ด้านนายณรงค์ คงคำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลกลุ่มคนไร้ที่พึ่งจาก 3 วันที่ผ่านมา พบคนเข้าข่าย 148 ราย และเมื่อคืนวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบ 25 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มคนที่มาค้างคืนเพื่อรอกราบถวายบังคมพระบรมศพ 3 ราย และเป็นกลุ่มคนไร้ที่พึ่งพิง 22 ราย โดยการแก้ปัญหาจะมีการเชิญตัวมาที่จุดคัดกรอง ซึ่งมีทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ คอยสอบถามข้อมูล เพื่อแยกเป็นกรณี หากมีอาการเจ็บป่วยจะส่งไปยังสถานพยาบาล ถ้าพบมีอาการมึนเมาสุราจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเป็นกลุ่มคนไร้ที่พึ่งจะส่งไปยังบ้านมิตรไมตรี ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าสถิติในหลายวันที่ผ่านมา จำนวนของคนไร้ที่พึ่งลดลงอย่างน่าพอใจ จึงขอฝากประชาชนหากพบบุคคลที่เข้าข่ายแจ้งมายัง กอร.รส.ได้

@ คนเข้าแถวยาว-ของดต่อคิว

เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) ประกาศแจ้งประชาชนที่เดินทางมารอคิวเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพว่าของดต่อแถวเพิ่มเติม เนื่องจากมีประชาชนต่อแถวเป็นจำนวนมากจึงไม่สามารถรับคิวต่อไปได้แล้ว

เวลา 17.00 น. กอร.รส.ได้เปิดให้ประชาชนเข้าแถวสักการะเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากคาดว่าจะบริหารจัดการเวลาได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารระบุว่าสำหรับประชาชนกลุ่มที่ต่อแถวใหม่ครั้งนี้ ไม่รับปากว่าจะได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศหรือไม่

น.ส.จิรนันท์ จ่างตระกูล อายุ 38 ปี พนักงานบริษัท กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับมารดาและหลานอายุ 5 ขวบ จากบ้านที่พุทธมณฑลสาย 5 ถึงสนามหลวง เวลา 07.00 น. พบว่ามีประชาชนมาเข้าแถวรอแล้วจำนวนมาก แต่ได้เตรียมใจมาแล้วว่าคนจะเยอะ ทั้งนี้ วันที่ทราบข่าวการสวรรคต คนที่บ้านทุกคนร้องไห้ หลานก็ถามว่าร้องไห้กันทำไม จึงเล่าพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านให้ฟัง พอหลานได้ฟังก็พูดตลอดว่าอยากมาไหว้ในหลวง เร่งเร้าว่าอยากมา แต่ไม่อยากให้หลานขาดเรียนจึงต้องมาวันเสาร์

@ พร้อมพิธีบวงสรวง?จันทน์หอม?

นายทวี นริศศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากกองราชพิธี สำนักพระราชวัง ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด รวมทั้งเข้าสำรวจและคัดเลือกไม้จันทน์หอม 4 ต้น จาก 19 ต้น ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ถือฤกษ์ตัดไม้วันที่ 14 พฤศจิกายน ระหว่างเวลา 14.09-14.39 น.นั้น ถือเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งสำหรับพสกนิกรชาวประจวบคีรีขันธ์ โดยขณะนี้จังหวัดได้รับการประสานงานจากสำนักพระราชวัง เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน มีการเตรียมเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด 10 นาย ระดับอำเภอ 10 นายเข้าร่วมพิธีบวงสรวง สำหรับไม้จันทร์หอมที่จะประกอบพิธีบวงสรวง ห่างจากที่ทำการสำนักงานอุทยานฯ ต้องเดินเท้าด้วยระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร

“เบื้องต้นคาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปร่วมถวายความอาลัยที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ขณะที่กองพระราชพิธีได้จัดที่นั่งเพื่อประกอบพิธีบวงสรวงไว้รองรับเจ้าหน้าที่เพียง 60 นาย” นายทวีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image