‘จรัญ’ หนุนศาล รธน.ตีความ ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ 8 ปีให้สิ้นสงสัยก่อนกลาง ส.ค.นี้

‘จรัญ’ หนุนศาล รธน.ตีความ ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ 8 ปีให้สิ้นสงสัยก่อนกลาง ส.ค.นี้ หวั่นสถานะไม่ชัดเจน ปท.ง่อนแง่น

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์กรณีปมปัญหาสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นเมื่อปี 2540 เพื่อแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนและความขัดแย้งทางข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ หากไม่มีข้อยุติเป็นที่ยอมรับ หรือต้องยอมรับกัน จะนำไปสู่การแตกแยกของประชาชนในสังคมได้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ คำวินิจฉัยจะเป็นที่สิ้นสุดและผูกพันทุกองค์กรของรัฐ และปัญหาจะได้ข้อยุติทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น จึงเห็นด้วยการที่ฝ่ายค้านเห็นว่า 8 ปี ควรเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และครบ 8 ปีวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ควรจะเข้าชื่อต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ส่วนฝ่ายรัฐบาลหรือเสียงข้างมาก ส.ส. หรือ ส.ว. หากเห็นว่าต้องเริ่มนับ 8 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2562 และครบกำหนดวันที่ 8 มิถุนายน 2570 สามารถเข้าชื่อต่อประธานสภาของแต่ละแห่งเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เช่นกัน และแม้ไม่มีผู้ร้องทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งรัฐธรรมนูญให้อำนาจตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงของประเทศ สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้

นายจรัญกล่าวต่อว่า มองว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ที่ระบุแต่เพียงว่านายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปีนั้นเขียนไว้ไม่ชัดเจน แต่จะโทษคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคงไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องที่ไม่เคยเกิดหรือเป็นปัญหามาก่อน ไม่มีคนร่าง หรือเขียนกฎหมายรู้ล่วงหน้า หรือเห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้ว่าจะถกเถียงกันเรื่องนี้ ดังนั้น ประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรส่วนใหญ่จึงให้องค์กรตุลาการทำหน้าที่วินิจฉัย

เมื่อถามว่า คำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย นายจรัญกล่าวว่า ถ้าศาลรับคำร้องแล้วมีอำนาจใช้วิธีชั่วคราวแบบนี้ แต่การใช้วิธีชั่วคราวให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ต้องใช้อย่างพิถีพิถันและระมัดระวัง เพราะว่าผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของประเทศโดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ประเทศเกิดภาวะสุญญากาศได้ หากเป็นตนจะไม่ให้ใช้วิธีชั่วคราวเพื่อให้นายกฯท่านใดก็ตามต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวทั้งที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไปว่าควรไปทางใด แต่อาจจะยกเว้นให้กรณีที่มีมูลทุจริตโกงบ้านโกงเมือง

Advertisement

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีข้อเท็จจริงซับซ้อน เหลือแต่ความเห็นทางกฎหมาย สามารถอภิปรายถกแถลงกัน 2-3 รอบ หรือฟังความเห็นของแต่ละฝ่ายกันสักรอบ แต่ถ้าเวลากระชั้นชิดสามารถให้แต่ละฝ่ายทำความเห็นเป็นหนังสือส่งกลับมาได้ เพื่อนำมาประกอบทำคำวินิจฉัยได้ ผมอยากให้ได้คำวินิจฉัยก่อนกลางเดือนสิงหาคมนี้ เพราะหากหลังจากนั้นสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทยง่อนแง่นทันที เนื่องจากสถานะความมั่นคงทางนิติฐานะ ความมั่นคงของผู้นำประเทศต้องชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนประเทศอ่อนกำลังได้” อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image