เจษฎ์ ตีความละเอียด 8 ปีประยุทธ์ ยก ‘สมรสโมฆะ’ เทียบ เชื่อศาลรธน.ไม่ยื้อ

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35  และกลุ่มสภาที่ 3 จัดสวนา หัวข้อ “วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดยนายอดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่า สตง., นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, นายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง

ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า การตีความกฎหมายวันนี้ เราต้องตีความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะครบวาระ 8 ปีเมื่อไหร่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ว่า ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีรวมกัน ครม.ที่เป็นก่อนประกาศให้ถือเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ด้วย วิธีคำนวณวาระ 8 ปี หากตีความตรงไปตรงมา คือ ครบวาระวันที่ 24 ส.ค.2565 หากตีความอีกแบบ คือ มาตรา 158 จะบังคับใช้ย้อนหลังไม่ได้ หากนับเช่นนี้จะต้องเริ่มนับเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 แต่การคิดแบบนี้จะเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะเท่ากับว่าการดำรงตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ปี 2557-2560 จะถือเป็นการใช้อำนาจอะไร ในทรรศนะของตนหากไม่นับวาระตั้งแต่ปี 2557 ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก

รศ.ดร.เจษฎ์กล่าวว่า สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับเรื่องแล้วดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค. แม้วันที่ 24 ส.ค.จะยังสามารถดำรงตำแหน่งได้ตามนิตินัย แต่ในทางพฤตินัยแล้ว จะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะในวันที่ 26 ส.ค.ที่จะมีการประชุมกำหนดผู้บัญชาการเหล่าทัพ หากท่านไปนั่งเป็นประธานการประชุมแล้วแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญจะทำได้หรือไม่

​“เปรียบเสมือนการสมรสกัน หากตามกฎหมายให้การสมรสเป็นโมฆะ แม้จะสามารถย้อนไปได้ทางนิตินัยว่าเป็นโมฆะ แต่ทางพฤตินัยสามารถย้อนไปได้หรือไม่ เพราะสมรสกันไปแล้ว อยู่กินกันไปแล้ว หรือมีลูกกันไปแล้ว ทั้งนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคืนเงินเดือนในช่วงหลังจากวันที่ 24 ส.ค.จะเป็นการลดความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ และช่วยลดแรงกดดันต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ คงจะไม่ยื้อเวลาการพิจารณาออกไปนานอย่างแน่นอน” รศ.ดร.เจษฎ์กล่าว

Advertisement

​รศ.ดร.เจษฎ์กล่าวว่า หากยุติปฏิบัติหน้าที่ นายกฯจะไปวิ่งเล่น เที่ยว หรือไลฟ์มาบอกว่าไม่ได้ทำงานแล้ว ก็ได้ แต่ในแง่ของ ครม.จะมีปัญหา 2 ลักษณะ แม้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อ แต่เมื่อรัฐมนตรีเชื่อมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯพ้นสภาพ รัฐมนตรีก็ต้องพ้นสภาพไปด้วย อาจจะเกิดปัญหา นำมาสู่ซึ่งคำถาม รัฐมนตรียังนั่งอยู่ในตำแหน่งได้หรือ

“ขณะที่นายกฯมารักษาการ ก็เป็นประเด็นอีกจะเลือกใคร และรักษาการไปถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อมีกลไกล การได้มาซึ่งนายกฯ คนมีรายชื่ออยู่ จะยอมรักษาการยาวเลยหรือ โดยเฉพาะคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้ามีการลงมติในสภา เป็นนายกฯได้เลย แล้วจะรักษาการไปทำไม เรื่องนี้สมมุติฝ่ายค้านยื่น คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17ส.ค. ท่านคงไม่รอช้า คงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเลย เวลานี้ ตำบลกระสุนตกอยู่ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์, รัฐมนตรี และสภาด้วย โดยสภาหากไม่ทำอะไรเลย จะมีคนนำไปยื่น ป.ป.ช. ทำให้พ้นตำแหน่งไปได้ เงื่อนงำนี้ ให้จบไปก่อนได้หรือไม่ เมื่อฝ่ายค้านยื่น ก็มีเวลาให้วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์” รศ.ดร.เจษฎ์กล่าว

Advertisement

​รศ.ดร.เจษฎ์กล่าวว่า ทั้งนี้ มองได้ 2 แบบ หากพิจารณาโดยรูปธรรมคือ รอเมื่อเกิดเหตุก่อน แล้วไปยื่น แต่มีอีกแบบ พิจารณาเชิงนามธรรม คือ มีโอกาสเกิดเหตุเป็นรูปธรรม ที่เมื่อเกิดแล้วจะเกิดความเสียหาย เยียวยาไม่ได้ ก่อนหน้า ศาลเคยรับเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดมาแล้ว ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีคนแก้ จะเอา ส.ว.สรรหาทั้งหมด ตอนนั้นมีคนไปยื่นและศาล ทำไมรับ และพิจารณา ทั้งที่ปัญหายังไม่เกิด

หากพ้นวันที่ 24 ส.ค.ไปแล้ว มีคนไปแจ้งความได้หรือไม่นั้น ผมคิดว่าแจ้งได้ แต่ตำรวจจะรับหรือไม่ เมื่อไม่รับ ก็จะมีคนไปแจ้งเอาผิดตำรวจอีก จะพันเป็นลูกโซ่ แต่ที่น่าห่วง เรื่องนี้จะกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม จะมีคนชุมนุม เรื่องนี้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และอาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายด้วย” รศ.ดร.เจษฎ์

​รศ.ดร.เจษฎ์กล่าวว่า ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอีกตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม ยังคงทำหน้าที่ได้หรือไม่นั้น รมว.รักษาการ จะเสนอชื่อ ผบ.เหล่าทัพได้หรือไม่ ยังเป็นประเด็น คนถึงบอกให้จบ ณ วันนั้น หรือจบก่อนวันนั้น ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนลิงแก้แห ไปหมด

“การชุมนุมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ชุมนุมไปเลย แต่อย่าลุกลามไปเรื่องอื่น เพราะพลังจะถูกลดทอน เมื่อรู้ว่าเป้า 3 เป้า ถ้าทำลายเป้ากลางได้ ค่อยไปคุยอีก 2 เป้า ทำไมไปแยกพลัง ไปอีก 2 ส่วน เลยเหลือพลังเพียง 1 ส่วน ที่พูดไปอาจขัดใจใคร แต่ผมมองว่า ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสถาบัน ตอนนี้ให้ไล่ ประยุทธ์อย่างเดียว เชื่อว่าจะเกิดผลเหมือนยุคไล่ พล.อ.สุจินดา” รศ.ดร.เจษฎ์กล่าว

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image