คำถาม ความต่อเนื่อง สภาล่ม คำตอบ พลังประชารัฐ เพื่อไทย
พลันที่รูปธรรมแห่งสภาล่มในวันที่ 10 สิงหาคมปรากฏออกมาในสภาพที่เป็นการร่วมมือกันโดยอ้อมๆระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ
ข่าวลือถึงแนวโน้มที่จะร่วมมือกันต่อในการจัดตั้งรัฐบาลภาย หลังการเลือกตั้งในปี 2566 ก็ตามมา
ที่ควรจับตามองอย่างเป็นพิเศษคือ ท่าทีและความเป็นไปได้
น่าสังเกตว่าท่าทีอันออกมาจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จำแนกแยกแยะอย่างเด่นชัดว่าความร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐหากเกิดขึ้นต้องมีเงื่อนไขพิเศษ
นั่นก็คือ เงื่อนไขที่ว่ามิได้เป็นความร่วมมือโดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทนในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นความร่วมมือในเชิงปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้บางส่วนภายในพรรคเพื่อไทยจะออกมายืนยันถึงแนวโน้ม นี้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หากแต่ดำเนินไปในลักษณะของความเพ้อฝัน แต่เงื่อนไขอันมาจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็ไม่ควรมองข้าม
เนื่องจากความหมายในการปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่มิได้ปฏิเสธ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทั้งหมดนี้ไม่แน่ว่าเป็นรายรับ หรือเป็นรายจ่ายกันแน่
ลำพังการออกมาปฏิบัติการเพื่อให้ “สภาล่ม” ในวันที่ 10 สิงหาคม และต่อเนื่องมายังการประชุมรัฐสภาในวันที่ 15 สิงหาคมก็กลาย เป็นโจทย์ทางการเมืองอันแหลมคมอย่างยิ่งอยู่แล้ว
การคืบหน้าไปด้วยประเด็นแนวโน้มการจะร่วมรัฐบาลในระ หว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยยิ่งร้อนแรง
แม้จะดำเนินไปบนเงื่อนไขที่ยอมรับได้กับพรรคพลังประชารัฐอันมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นตัวแทน โดยปฏิเสธความ หมายการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระนั้น คำถามก็คือการดำรงอยู่ของ “กลุ่ม 3 ป.” จะดำเนินไป อย่างไร และความผูกพันของ “กลุ่ม 3 ป.” ต่อทุกปฏิบัติการในทางการเมืองจะประเมินอย่างไร
หรือว่าแนวโน้มและความเป็นไปได้เหล่านี้หากเกิดขึ้นก็เป็นไปตามหลักการ “แก้ไขไม่แก้แค้น” หากแต่เพื่อปรองดองสมานฉันท์
ปมเงื่อนก็คือ โจทย์การเมืองตั้งแต่ “สภาล่ม” กระทั่งต่อเนื่องมายังกระบวนการทางด้านการข่าวในเรื่องการร่วมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยเป็นรายรับ รายจ่ายของผู้ใด
เป็นของ “พลังประชารัฐ” หรือเป็นของ “เพื่อไทย”
คำถามก็คือ สูตร 100 หารที่จะมาแทนที่สูตร 500 หารจะส่งผลให้กับชัยชนะอย่างชนิดขาดลอยในสนามเลือกตั้งจริงหรือ
เป็นคำถามที่ “เพื่อไทย” ต้องตอบและ “อธิบาย” อย่างหนัก
