‘นราพัฒน์-ไชยยศ’ ทิ้งเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หวนกลับตำแหน่งเดิม พร้อมนำทัพเหนือ-อีสาน สู้ศึกเลือกตั้ง ทำ ‘เจือ-มัลลิกา’ ได้เป็น ส.ส.สมใจ
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคเหนือ และ นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคอีสาน ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว
นายนราพัฒน์กล่าวยอมรับว่า ตนพร้อมนายไชยยศได้ยื่นใบขอลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้วในวันนี้ เพื่อตนจะกลับไปรับตำแหน่งเดิม คือกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์) เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องไปสานงานต่อที่ทำไว้และต้องทำให้เสร็จเกี่ยวกับยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เกษตรรุ่นใหม่ การลดต้นทุนการผลิต การวิเคราะห์ดิน และการผลักดันการทำแร่โพแทสเซียมมาทำปุ๋ยให้สำเร็จ เพื่อที่จะไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจในฐานะรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ซึ่งมีภารกิจเยอะมาก ต้องมีการวางแผนจัดการเลือกตั้ง ทั้งลงพื้นที่หาคะแนนทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งคาดว่าประชาธิปัตย์ภาคเหนือจะได้ ส.ส.กลับมา 10-20 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ก็เสียดายมากในการได้เป็น ส.ส. ซึ่งครั้งหน้าคงได้มีโอกาสกลับมาทำหน้าที่ดูแลเรื่องกฎหมายต่อไป ตอนนี้ขออนุญาตลาออกก่อน
เมื่อถามว่า นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรองหัวหน้าพรรค และเป็นบิดาของนายนราพัฒน์ มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง นายนราพัฒน์กล่าวว่า บิดาของตนเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งบทบาทในสภาก็สำคัญ แต่เนื่องจากกฎหมายหลายฉบับก็ผ่านสภาเรียบร้อยแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ราบรื่นดี การทำหน้าที่ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ก็เรียบร้อยแล้ว และในการประชุมรัฐสภาสมัยประชุมหน้า จะมีแต่เรื่องกฎหมายล้วนๆ และการที่ตนลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ก็จะมีตัวแทนของพรรคได้เลื่อนขึ้นมาแทน คือ นายเจือ ราชสีห์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 29 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถทำงานแทนได้ ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสภา หรือต้องมีการเลือกตั้งใหม่จนทำให้เสียงบประมาณ
ด้าน นายไชยยศกล่าวว่า ตนได้ลงนามใบลาออกจากตำแหน่งฝากไว้กับนายนราพัฒน์ ซึ่งคงจะยื่นลาออกแล้ว โดยตนจะกลับไปตำแหน่งเดิม คือรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี) รวมถึงจะได้ไปทำงานในเรื่องกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) อีกครั้ง เพราะมีสมาพันธ์เกษตรกรที่เรียกร้องให้ตนกลับมาเป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับ กฟก. ส่วนหน้าที่ ส.ส.นั้น แม้มีความสำคัญ แต่ยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค สามารถเลื่อนขึ้นมาทำหน้าที่นี้แทนได้ แต่กรณีของคนที่มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของเกษตรกรที่มีประมาณ 8 ล้านครัวเรือนนั้นมีไม่มาก และไม่อยากให้มีการมาเรียนรู้งานใหม่ ประกอบกับการที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคอีสานด้วย
นายไชยยศกล่าวต่อว่า ทางพรรคเห็นว่าเมื่อนายนราพัฒน์ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคเหนือ ขอลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.แล้ว จึงเห็นว่าตน ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคอีสาน ควรลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อในเวลาเดียวกัน เนื่องจากตนมีภารกิจจำนวนมากในการเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.ในภาคอีสาน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะได้เลื่อนลำดับมาเป็น ส.ส.แทนตน คือ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 30 พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า หลังจากมีข่าวว่านายไชยยศจะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งทำให้ต้องเลื่อนลำดับผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค ขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน คือนางมัลลิกา ได้ทำให้ ส.ส.หญิงหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เกิดความไม่พอใจจากหลายเรื่องก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันกังวลว่านางมัลลิกาอาจจะสร้างความวุ่นวายให้กับพรรคอีก จึงมีความพยายามขอร้องไม่ให้นายไชยยศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. แต่สุดท้ายความพยายามนี้ก็ไม่เป็นผล
ทั้งนี้ นางมัลลิกาที่ทำหน้าที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาตั้งแต่ 13 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบันและสำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชาผู้นำทางสังคมธุรกิจและการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงมหานครและผู้บริหารระดับสูงธรรมศาสตร์เพื่อสังคม เคยเป็นทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเมื่อปี 2553 และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อปี 2551 โดยที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่ระดับต้นของรัฐบาลมาโดยตลอด และเมื่อปี 2563 ผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงพาณิชย์ยกให้เป็นบุคคลสุดยอดแห่งปีด้านได้ใจสื่อมวลชนกระทรวงพาณิชย์ที่สุด และปี 2564 ทีมมัลลิกาเป็นทีมที่ครองใจสื่อมวลชนพาณิชย์ที่สุด 2 ปีซ้อนเช่นกัน
