‘จตุพร’ ลั่น บิ๊กป้อมแรงน้อย ต้องใช้ใจบันดาล นัด 3-4 ก.ย. ‘หยุด 3 ป.’ จะอยู่ต่อ ไม่เลือกตั้ง(มีคลิป)

‘จตุพร’ ลั่น บิ๊กป้อมแรงน้อยเลยใช้ใจบันดาล นัดม็อบ 3-4 ก.ย. แยกปทุมวัน-ราชประสงค์ ซัด 3 ป. ‘ลับ ลวง พราง’ จะอยู่ต่อ ไม่เลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 กันยายน ที่พีซทีวี คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา แถลงข่าวยกระดับจัดกิจกรรมกลางเมือง ‘หยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย’

นายจตุพรกล่าวว่า คณะหลอมรวมประชาชนได้ประกาศชัดว่า สัปดาห์นี้เราจะยกระดับในการเข้าไปจัดการชุมนุมเพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อนับหนึ่งประเทศไทยที่ใจกลางเมือง จึงขอแจ้งกำหนดการว่า วันเสาร์ที่ 3 กันยายน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ซึ่งในวันนั้นจะร่วมกับบรรดานักเรียน นิสิต นักศึกษาจำนวนมากที่จะร่วมรณรงค์เชิญชวนพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ชั้นใน ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งจะเป็นเวทีปราศรัย ในขณะนี้ทางคณะหลอมรวมประชาชนได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยประสานงานกับทางห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อขอใช้ลานด้านหน้า และไม่มีความประสงค์ที่จะปิดถนน ส่วนจะสามารถขอได้หรือไม่ได้อย่างไรก็จะจัดกิจกรรมให้กระทบการจราจรให้น้อยที่สุด

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องราวต่างๆ นั้น วันนี้ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนว่า คณะ 3 ป. ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้งหรือยุติที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งรักษาการนายกฯ ประกาศว่า ใช้ใจบันดาลแรง คือแรงน้อยจึงต้องใช้ใจในการบันดาล เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่านับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน ประเทศไทยขาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือการคงไว้ซึ่งอำนาจของคณะ 3 ป. นั้น จะนำพาไปสู่การไม่มีการเลือกตั้ง เพราะความจริงกลยุทธ์ ลับ ลวง พราง นั้นเราก็เคยเห็น เพียงแต่ว่าบรรดาพรรคการเมืองหรือประชาชนอาจจะลืมไป

Advertisement

“ความเป็นจริงวิชามารไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบ แต่เป็นตามภูมิรัฐศาสตร์ขณะนั้นๆ ในการยื้อเวลาและยืดเวลาทุกครั้ง ทฤษฎีของคณะ 3 ป. คืออยู่ในอำนาจทีละนิด แต่เมื่อรวมกันแล้วก็จะมากขึ้นตามลำดับ เช่น ให้คนไทยตายใจว่าจะไม่ยึดอำนาจแต่ก็มายึดอำนาจ เมื่อยึดอำนาจก็อ้างเรื่องรักษาความสงบ และประกาศว่าจะอยู่ไม่นาน และในระหว่างนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวจะคืนอำนาจและเขียนรัฐธรรมนูญ แล้วก็เริ่มวางเกม” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมา การขับเคลื่อนของคณะ 3 ป. ดูเสมือนหนึ่งว่า พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีความแข็งแรงตามลำดับและไม่นั่งเก้าอี้ทับ พล.อ.ประยุทธ์ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นเครื่องสะท้อนว่า ประชาชนจะได้อะไร แต่นี่เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพราะขณะเดียวกันนั้นก็สามารถควบอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จในขณะนี้ ซึ่งผลคำวินิจฉัยตอนนี้อาจต้องยืดเวลาออกไปจนไม่สามารถให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ได้ ซึ่งก็จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาใหม่ ดังนั้นกระบวนการวิ่งเต้นต่างๆ ซึ่งไม่มีใครรู้ดีกว่าคนวิ่ง รู้ดีว่าจะนำไปสู่ปัญหาอะไร

“ผมมีความวาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะทั้ง 3 ป. จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยไม่ต้องหลบลี้หนีภัย เพราะทุกอย่างที่ท่านพูดแม้ว่าจะมีบางคนหลงเชื่อ แต่ท่านรู้ดีที่สุดว่าที่ท่านพูดมันโกหก คนบางคนพูดโกหกจนกระทั่งตัวเองเชื่อ เชื่อว่าตัวเองสุจริต ไม่ทุจริต ที่เรามักพูดเสมอว่าพระแก้วมรกต ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช ย่อมจะรู้ดีว่าใครสุจริต ใครทุจริตกันอย่างไร” นายจตุพรกล่าว

Advertisement

นายจตุพรกล่าวอีกว่า การยกระดับการชุมนุมของคณะหลอมรวมประชาชน ประเทศไทยต้องมาก่อนนั้น จะเข้าในเขตกลางใจเมือง หลังจากนั้นจะเข้าไปตามรั้วมหาวิทยาลัยหรืออาจจะต่างจังหวัด เพราะว่ารอสถานการณ์ที่สุกงอม คือการต่อสู้มาโดยตลอดนั้น พิสูจน์อย่างชัดเจนว่าจุดชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่คนเต็มท้องถนน คนเต็มท้องถนนในการชุมนุมของกลุ่มประชาชนในทุกฝ่าย ในช่วง  10 กว่าปีนี้ ไม่ได้เป็นจุดชี้ขาด จุดที่ชี้ขาดที่สำคัญที่สุดคือ ความชอบธรรม

“ดังนั้น คณะหลอมรวมประชาชน จะไม่รีบในสถานการณ์ เพราะว่าแน่นอนที่สุด ยิ่งประชาชนแข็งแรงเร็ว การถูกทำลายก็ต้องเร็วมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันนั้นถ้าประชาชนเข้าใจกันอย่างช้าๆ ตกผลึกและก็มาเข้าใจ แข็งแรงพร้อมกันในวันที่สถานการณ์มันสุกงอม ซึ่งใกล้เต็มทีแล้ว ดังนั้นการประกาศ 2 จุด ไม่ว่าสกายวอร์คแยกปทุมวัน ที่ลานบัว รวมกับที่แยกราชประสงค์ ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ท่านดูเป็นหลัก ตามภาพที่ปรากฎ” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ทั้งหมดนั้นเพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า คนที่ทำลายเศรษฐกิจที่แท้จริงไม่ใช่ประชาชน ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจได้พังพินาศก่อนพวกตนจะไปที่แยกปทุมวันในวันเสาร์นี้ หรือจะไปที่แยกราชประสงค์ในวันอาทิตย์นี้ เพราะฉะนั้น ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจ ท่านสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และขณะเดียวกันก็ป้องกันเรื่องการระบาดของโควิด-19

“ถ้าปราศรัยตรงนั้นได้ ก็ไม่ประทบต่อพื้นที่พื้นผิวจราจร เพราะสถานการณ์ยังไม่ได้ถึงจุดแตกหัก ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่ายังไม่ถึงจุดแตกหัก แต่ว่าใกล้จะแตกหัก ดังนั้น การก่อตัวของประชาชนก็จะก่อตัวกันตามลำดับ” นายจตุพรกล่าว

ด้าน นายนิติธรกล่าวเสริมว่า ทางคณะหลอมรวมยืนยันว่าจะต้องหยุดอำนาจ  3 ป. ให้ได้ เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งประเทศไทย ในขณะนี้บรรดา 3 ป. อยู่ระหว่างการจัดสรรอำนาจต่างๆ เพื่อให้ลงตัว ให้ย้อนกลับไปวันที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าจะไม่มีการปรับ ครม. ฉะนั้น อย่างไรการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะวันนี้หรือจะกลับมาในวันหน้าก็แล้วแต่ ก็จะไม่มีการปรับ ครม. เมื่อไม่มีการปรับ ครม.ก็จะเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนี้จึงเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตรที่จะต้องมีการปรับ ครม. ดังนั้น พล.อ.ประวิตรก็จะมาดำเนินการในการปรับ ครม.เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันข้อสังเกตคือ รัฐบาลนี้อยู่ภายใต้การชี้ของศาลรัฐธรมนูญ อีกอย่างหนึ่งคือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดังนั้น นายวิษณุเครืองาม จึงมีหน้าที่เป็นผู้ชี้และตีความรัฐธรรมนูญ ตีความระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

“ดังนั้น การดำรงอยู่ในขณะนี้จึงไม่ใช่การดำรงอยู่ตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการที่เราต้องทำหนังสือมติ ครม.เพื่อมอบอำนาจย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ นี่เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย ซึ่งความชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความชอบธรรม-ไม่ชอบธรรม ในขณะนี้ทั้งนายวิษณุ ครม.และคณะ ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำลงไปตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม เป็นต้นไป” นายนิติธรกล่าว

นายนิติธรกล่าวต่อว่า ในขณะนี้สิ่งที่ ครม.ต้องคิด คือต้องดำเนินการให้เป็นตามกฎหมาย ฉะนั้นพี่น้องประชาชนต้องกลับไปดูว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาลชุดนี้ เป็นไปโดยผลของกฎหมายหรือไม่

“ทั้งหมดทั้งมวล ผมว่า ครม.ทราบกันดี แต่สิ่งเหล่านี้จะชี้แจงให้ประชาชน หรือดันทุรังกันไปอย่างนี้ก็แล้วแต่ แต่ทุกท่านต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย นี่เป็นประเด็นที่ 1”

“ประเด็นที่  2 แม้ทำเรื่องการเมืองให้น่าสนใจเพื่อปรับผลต่างๆ ในขณะนี้ไม่ให้คนสนใจ ซึ่งคือค่าไฟฟ้า ค่า Ft.ต่างๆ ขึ้นมา แล้วค่าน้ำมันก็จะขึ้นในอนาคต เพราะเข้าสู่ฤดูหนาว ภัยพิบัติที่ประเมินว่าน้ำท่วม ก็กำลังจะขึ้น ทุกอย่างจะมีการใช้งบประมาณและจะมีการใช้งบกลางออกไปทั้งหมด ตรงนี้ประชาชนและสื่อต้องจับตาดู

“สุดท้ายผมอยากจะย้ำว่า ประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นผู้ให้กำเนิดศาลรัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยเป็นผู้ให้กำเนิดอำนาจฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ฉะนั้น ขณะนี้มีความพยายามที่จะทำให้ตัวเองเหนือรัฐธรรมนูญ ในลักษณะหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนนี้คณะหลอมรวมประชาชน จะนำเสนอในเวทีสาธารณะต่อไป” นายนิติธรกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image