กอ.รมน.เผย ‘ส.ต.ท.กรศศิร์’ สมัครขอช่วยราชการ แต่ไม่มีผลงาน จึงขอยกเลิกการช่วยราชการ

กอ.รมน.เผย ‘ส.ต.ท.กรศศิร์’ สมัครขอช่วยราชการ แต่ไม่มีผลงาน จึงขอยกเลิกการช่วยราชการ

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยถึงกรณี ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายอดีตทหารหญิง เมื่อวันที่ 18 ส.ค.65 ที่ผ่านมา โดยในรายละเอียดระบุว่า ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าวเป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการอยู่กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งผลการสอบสวนในข้อเท็จจริงมีรายละเอียดดังนี้

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ส.ต.ท.หญิงคนที่ถูกระบุในข่าวคือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม เป็นกำลังพลที่มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สังกัดสำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 ซึ่งเจ้าตัวทำเรื่องสมัครขอมาช่วยราชการกับสำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้พิจารณาแล้วว่ามีความเหมาะสม จึงได้ดำเนินการขออนุมัติบรรจุไปตามขั้นตอนงานด้านกำลังพลภายใต้ระเบียบข้อปฏิบัติของทางราชการ

ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ได้รับมอบหมายภารกิจทางด้านงานข่าว เป็นผู้ประสานการปฏิบัติด้านธุรการในระดับเจ้าหน้าที่ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนหน่วยในการปฏิบัติงานนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกี่ยวกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.65 พบว่า ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ถึงแม้ว่าตามข้อกล่าวหาจะเป็นความผิดส่วนบุคคล แต่พฤติกรรมตามลักษณะดังกล่าวถือว่าขัดกับระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ จึงออกคำสั่งพ้นหน้าที่ฯ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.65 และส่งตัวกลับต้นสังกัด

Advertisement

โฆษก กอ.รมน.กล่าวอีกว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.65 คณะกรรมการสอบสวน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ามีความเห็นว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามความสามารถ และไม่มีผลงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายเป็นที่ประจักษ์ จึงยกเลิกให้ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยสำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64-31 ก.ค.65 พร้อมกับดำเนินการเรียกคืนเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เบิกจ่ายไปแล้ว

สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้กับ กอ.รมน.ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ผู้ปฏิบัติงานในอัตราประจำ ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่ที่ กอ.รมน.ส่วนกลาง ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน., พนักงานราชการ กอ.รมน.และลูกจ้างชั่วคราว กอ.รมน. ส่วนที่สองคือ ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นไปโดยตำแหน่งตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เช่น นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. ผู้บัญชาการทหารบกเป็นรอง ผอ.รมน. เสนาธิการทหารบกเป็นเลขาธิการ กอ.รมน. แม่ทัพภาคเป็น ผอ.รมน.ภาค และผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.รมน.จังหวัด ส่วนที่สามคือ กำลังพลผู้ปฏิบัติงานในอัตราช่วยราชการแบบปีต่อปี ซึ่งจะเป็นกำลังพลส่วนใหญ่ ประกอบด้วย พลเรือน ตำรวจ และทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ

ส่วนเรื่องสวัสดิการสิทธิประโยชน์สำหรับข้าราชการที่มาบรรจุในอัตราช่วยราชการที่ กอ.รมน.จะได้รับการนับวันรับราชการเป็นแบบวันทวีคูณ และสำหรับข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นในเรื่องของเบี้ยเลี้ยงสนาม ค่าเสี่ยงภัย และอาจได้รับเงินเพิ่มพิเศษเพื่อการสู้รบ (พสร.) กรณีถ้าอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และมีการลาพักออกนอกพื้นที่ไม่เกิน 15 วัน โดยจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบก่อนถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้

Advertisement

พ.อ.วินธัยกล่าวว่า กอ.รมน.ขอเรียนให้ทราบว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราพร้อมตรวจสอบเพื่อมุ่งหาข้อเท็จจริงร่วมกับสังคม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเหตุเบาะแสความมั่นคงด้านต่างๆ เป็นส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสร้างความสงบสุขของประเทศชาติ ผ่านสายตรงความมั่นคง โทร 1374 หรือผ่าน Line id : @1374 ได้ฟรีตลอด 24 ชม. ซึ่ง กอ.รมน.ยืนหยัด จะมุ่งมั่นตั้งใจ ปฏิบัติงานด้านความมั่นคง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ “กอ.รมน.เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image