‘บิ๊กป้อม’ห่วงปชช.ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จ.กระบี่ ‘สั่ง’วางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในระยะยาว กำชับให้เตรียมพร้อมตาม 13 มาตรการและแผนป้องกันอย่างเคร่งครัด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 กันยายน ที่ห้องประชุมพนมเบญจา ศาลากลางจังหวัดกระบี่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ การคาดการณ์ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้ จ.กระบี่ โดยกรมชลประทานนำเสนอแผนการดำเนินการโครงการระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง ต.กระบี่น้อย อ.เมือง ขณะที่เลขาธิการ ส.ป.ก.นำเสนอแผนการดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร พื้นที่ดำเนินการ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่บ้านสองแพร่ง หมู่ที่ 9 บ้านหว่างคลองไทย หมู่ที่ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป รองนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งอาจเกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รัฐบาลมีความห่วงใยผลกระทบต่อประชาชน ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมดำเนินการ จัดทำแผนเผชิญเหตุรับมือล่วงหน้า หากเกิดเหตุอุทกภัยขึ้น รวมถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในระยะยาว โดยให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน และจังหวัดกระบี่ ดำเนินการตามแผนรับมือฤดูฝนทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด และดำเนินการตามแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2565 ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้เห็นชอบไว้
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มอบหมายให้กรมชลประทาน วางแผนการบริหารจัดการน้ำร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเร่งก่อสร้างโครงการระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับพื้นที่สามารถรองรับกับปริมาณความต้องการ การใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรในพื้นที่ ได้อย่างเพียงพอ และให้ ส.ป.ก.กระบี่ เร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด เพื่อให้ประชาชนได้มีพื้นที่ทำกิน หาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างมั่นคง
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ขอให้จังหวัดกระบี่ร่วมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ ดำเนินการตามมาตรการที่ กนป. กำหนด โดยสร้างการรับรู้ ให้ชาวสวนตัดผลปาล์มที่สุกเต็มที่ กวดขันลานเท และโรงสกัด มิให้ฉวยโอกาสกดราคารับซื้อ ตรวจสอบ การติดตั้งมิเตอร์และระบบรายงานข้อมูล พร้อมทั้งร่วมกันพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพ ทำการจับกุมเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าปลอม รวมทั้งน้ำมันปาล์มเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการใช้น้ำมัน B100 ทดแทนน้ำมันดีเซลในภาคการเกษตร รวมถึงส่งเสริมมาตรการเพิ่มมูลค่า ผลิตภัณฑ์แปรรูป 8 ชนิด “สู่พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคตที่ยั่งยืน ระดับโลก”
พล.อ.ประวิตร กล่าวให้กำลังใจ พร้อมระบุว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานในหน้าที่บรรลุตามเป้าหมายร่วมกันดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตามแผนที่กำหนด เพื่อเป็นการป้องกัน และช่วยบรรเทา ความเสียหาย โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ความผาสุกของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำงานของรัฐบาล เมื่อประเทศชาติ มีความมั่นคงด้านน้ำแล้ว เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ จะมีความมั่งคั่งและยั่งยืน
