‘ปลัดมท.’ เปิดงาน 60 ปี พช. ปลุกบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างสรรค์งาน พัฒนาคุณภาพชีวิตปชช.

เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดงานวันพัฒนาชุมชน 2565 ครั้งที่ 11 วาระครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน โดยมี นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย พระครูสมุห์ วัชระ ภทฺทธมฺโม (พระครูต้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม คณะผู้บริหารของกรมและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ บุคลากรกรมการพัฒนาชุมชน และภาคีเครือข่ายของกรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมพิธี

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ และขอให้ทุกท่านรักษาความดี ให้เหมือนเกลือรักษาความเค็ม เมื่อช่วงเช้า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อัญเชิญโล่รางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานให้กับผู้นำชุมชน หมู่บ้าน รวม 151 รางวัล นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ สร้างความภาคภูมิใจของคนในชุมชน สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของคนมหาดไทยที่มีจิตวิญญาณ มีความปรารถนาในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่พี่น้องประชาชน คนมหาดไทยต้องมีความมุ่งมั่น และความพยายามที่จะขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ ร่วมกับทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของกระทรวงมหาดไทย คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ เราทุกคนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน ในทุกพื้นที่ทั้ง 878 อำเภอ 7,255 ตำบล 75,032 หมู่บ้าน 24 ล้านครัวเรือน 67 ล้านคน จำเป็นที่เราซึ่งเปรียบเสมือนโซ่ข้อกลางที่จะต้องเชิญชวนให้ภาคีเครือข่ายต่าง ๆ มาร่วมดำเนินการเพื่อทำงานจิตอาสาให้กับพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องช่วยกันในการที่จะกล้า และขอความช่วยเหลือจากภาคีเครือข่าย เพื่อให้งานต่าง ๆ นั้นสำเร็จได้ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ทั้ง 17 ข้อ และเป้าหมายที่จะ Change for Good และขอให้ตระหนักว่า เราต้องเป็นรวงข้าวที่โน้มลงสู่พื้นดิน ยอมที่จะขอความช่วยเหลือ เพื่อให้งานออกมาดี เราต้องพัฒนาตัวเอง พร้อมกับสร้างทีมงานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดังเช่นกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับการยกย่องในวันนี้ ขอให้ทุกท่านเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ชุมชนมีความสุข มีความมั่นคง เข้มแข็ง และช่วยกันพัฒนาชุมชน ให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป

Advertisement

ต่อมาปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “กรมการพัฒนาชุมชนกับการขับเคลื่อนกระทรวงมหาดไทยสู่ Change for Good ในวาระครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน” แก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยมีใจความสำคัญว่า ทุกคนจำเป็นต้องขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ไปสู่พี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด ต้องช่วยกัน Change for Good คือ เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวาน และวันพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้ เพื่อประชาชนและประเทศชาติของเรา คำว่า Change for Good มาจาก การที่ UNFCCC (United Nations Framework Convention on Climate Change) ต้องการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ได้มีการเชิญชวนให้คนในโลกนี้ใช้ชีวิตให้ดีกว่าที่ผ่านมา สาเหตุมาจากการทำลายสมดุลของธรรมชาติ จนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เราต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างพื้นที่สีเขียว ฯลฯ เพื่อนำสมดุลกลับคืนมา นอกจากนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดที่พวกเราควรจะคำนึงถึง คือ กรมการพัฒนาชุมชนเป็นกรมที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ได้มีความเมตตา ทำให้เกิดโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานความหมายของการพัฒนา ไว้ตั้งแต่ปี 2536 ว่า “การพัฒนา คือ สร้างสรรค์” ทรงมีพระราชประสงค์ให้บุคลากรภาครัฐและภาคีเครือข่ายได้คิดคำนึงถึงการพัฒนาชุมชน ว่าต้องใช้สติปัญญา ต้องใช้ความคิดริเริ่ม ในการ Change for Good นำไปสู่การพัฒนาที่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนสร้างพื้นฐานให้มั่นคง พอมี พอกิน พออยู่ พอร่มเย็น มีวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกิดการพัฒนาตนเองและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ขยายผลไปสู่การพัฒนาครอบครัว ชุมชน สังคม และการพัฒนาในระดับประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การทำงานของหน่วยงานภาครัฐจำเป็นจะต้องนำหลักกลไก 3 5 7 ไปใช้ เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ หลักการดำเนินงานของกรมการพัฒนาชุมชน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า คนมหาดไทยที่ดีรองเท้าต้องสึกก่อนกางเกงขาดหมายถึง ต้องออกตรวจจนรองเท้าขาดไม่ใช่นั่งเก้าอี้จนกางเกงขาดเพราะหลักโบราณก็มีอยู่ว่า “จงคิด จงสั่ง จงตรวจ” นักพัฒนาชุมชนต้องมีหน้าที่ในการพัฒนา มีหน้าที่ไปทำงานร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สมาชิกกลุ่ม OTOP ผู้นำเยาวชน ผู้นำสตรี และภาคีเครือข่ายอื่น ๆ ที่อยู่ในชุมชน โดยเนื้อหาของการพัฒนา คือ การทำให้มั่นคงและทำให้ดีขึ้น ทำให้มีความสุขมีความปลอดภัย ซึ่งนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เรามีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ประชาชนมีรากฐานการดำรงชีวิตและพัฒนาสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง และสมดุลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กรมการพัฒนาชุมชนถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนได้อย่างรอบด้าน ช่วยให้ประชาชนได้มีรายได้ ช่วยให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความมั่นคง ช่วยให้เยาวชนสามารถพัฒนาเป็นเยาวชนที่ดี รวมถึงการแก้ไขปัญหาความยากจนก็เป็นบทบาทภารกิจที่สำคัญของกรมการพัฒนาชุมชนเช่นเดียวกัน

Advertisement

“พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นับว่าเป็นพระบิดาแห่งการพัฒนาของโลก ทรงพระราชทานแนวทางในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนด้วยตัวเอง จะต้องทำตามภูมิสังคม โดยในแต่ละพื้นที่จะมีสภาพภูมิสังคมที่แตกต่างกันออกไป ต้องทำงานให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ ที่แท้จริง สอดคล้องกับความสามารถของผู้คน อย่างเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา จึงเป็นที่มาของคำว่า “ระเบิดจากข้างใน” ประชาชนสามารถคิดสามารถทำสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “อยากให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นข้าราชการ ผู้นำชุมชน ผู้นำกลุ่มอาชีพ ได้ภาคภูมิใจว่า สิ่งที่ท่านทำมาคือเนื้อแท้ของการบำบัดทุกข์บำรุงสุขโดยแท้จริง สิ่งที่สำคัญที่สุดอยากให้ทุกคนรักษา Passion ที่จะทำให้ ประชาชน และประเทศชาติของเรามีความสุขมีความเจริญ โดยอาศัยภาคีเครือข่ายในการสร้างความร่วมมือให้ประสบความสำเร็จ ตามหลัก บวร เพื่อที่จะทำให้พวกเรามีพลังในการพัฒนาร่วมกัน เป็นแนวหน้าของกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลที่ได้ร่วมใจกันผนึกกำลังและผสานการทำงานร่วมกันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า Change for Good เพื่อประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขและธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างยั่งยืน”นายสุทธิพงษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image