คณะหลอมรวมฯ ถอดรหัส เอกสารหลุดมีชัย กดดันหัวใจประชาชน ย้ำม็อบอีก 11 ก.ย.

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แถลงถึงกรณีเอกสารชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

นายนิติธรกล่าวว่า เมื่อนายมีชัยเป็นอดีตประธานกรรมการร่าง รธน.จึงถือว่าเป็นเอกสารสำคัญด้วย และศาล รธน.จะพิจารณาโดยยึดถือความจริง ดังนั้นถ้าเอกสารหลุดเป็นของจริงแล้ว ถือว่าเป็นเซียนเอาตัวเองรอด และแสดงถึงการไม่พัวพันกับการตัดสินใจคดีนี้ ดังนั้นนายมีชัยจึงต้องการทำลายตัวเองและไม่ประสงค์ให้เอกสารของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาล รธน. และที่สำคัญเอกสารจึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีน้ำหนักทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน กลับไปยืนยันถ้อยความในเอกสารบันทึกการประชุมความมุ่งหมายอธิบายประกอบรายมาตราของ รธน. 2560 เพื่อให้ ปชช.ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการเผยแพร่แนวคิด พัฒนาการต่างๆ จึงหวังว่า ความมุ่งหมายนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง ศึกษา รธน. 2560

“นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พูดว่า ทำภายหลัง เท่ากับต้องการด้อยค่าพยานเอกสาร ซึ่งนักกฎหมายไม่ทำกัน และไม่มีใครทำ ดังนั้น เอกสารที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์หวังจะเป็นแต้มต่อทางการเมือง แต่นายมีชัย ได้ทำลายตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นายนิติธรกล่าว

Advertisement

นายนิติธรกล่าวว่า เอกสารชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นจริงแล้ว แสดงว่ามีเจตนาไม่ยอมรับ รธน.นี้จริง ไม่ให้ค่า และให้ความสำคัญกับ รธน.ที่กำหนดเวลาให้ดำรงตำแหน่งรวมไม่เกิน 8 ปี อีกอย่าง ศาล รธน.สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อ 24 ส.ค.65 นั่นสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝ่าฝืน รธน.เรียบร้อยแล้ว และเป็นการไม่ยอมรับ รธน.มาแต่เริ่มต้นด้วย

“การกล่าวอ้างคุณงามความดี แสดงว่า มีการหลงตัวเองพอสมควร การอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ซึ่งนายมีชัย เป็นประธาน และ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 มาเป็นความเห็นที่มีผลประโยชน์ขัดกันและทับซ้อน จึงไม่น่ารับฟัง อีกอย่างไม่ได้ดำเนินการตามประโยชน์ของกฎหมาย แต่ทำเพื่อคนคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในอนาคตต่อไป” นายนิติธรกล่าว

นายจตุพรกล่าวเสริมว่า ถ้าเอกสารนายมีชัยเป็นจริง เท่ากับเป็นการระเบิดพลีชีพตัวเองไปแล้ว เพราะการให้นับเวลาเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 6 เม.ย.60 เป็นต้นไป ขัดกันเองการประชุมครั้งที่ 500 รวมถึงนายมีชัยอ้างว่า จดรายงานไม่ครบถ้วน และคณะกรรมการร่าง รธน.ยังไม่ตรวจรับรอง และเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย การกล่าวอ้างเช่นนี้เป็นความเท็จสิ้นเชิง

Advertisement

ความจริงแล้ว นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธาน คนที่ 2 และอดีตประธาน กกต. ได้ตรวจรายงานการประชุมครั้งที่ 500 โดยทั้งนายมีชัย และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน คนที่ 1 ก็ให้รวมเวลา ครม.ก่อนใช้ รธน. 2560 มารวมเป็นเวลานายกฯ ไม่เกิน 8 ปีตาม รธน. 2560 ด้วย

อีกทั้ง เมื่อเอกสารนายมีชัยอ้างว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายนั้น มีรายงานบันทึกการประชุมครั้งที่ 501 และนายมีชัยเป็นประธานการประชุมด้วย แล้วยังมีมติรับรองการประชุมครั้งที่ 500 โดยไม่มีการแก้ไข ดังนั้น นายมีชัยจึงกล่าวอ้างเท็จ 100 % และสมบูรณ์แบบ

“ส่วนการบอกว่า ขาดตอนการเป็นนายกฯตาม รธน. 2560 นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และลาออกในปี 2540 และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็พ้นนายกฯ ปี 2550 หากเป็นตามที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอ้าง ก็คงไปเขียนประวัติศาสตร์ของอดีตนายกฯทั้งสองคนใหม่เช่นกัน ว่าเป็นนายกฯขาดตอน

การอ้างความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล และยังเคยตั้งเป็นกรรมการร่าง รธน.ด้วยนั้น จะมาเป็นหลักของกฎหมายได้หรือไม่ สิ่งสำคัญกลับมีความเห็นแย้งกับการประชุมของตัวเองในช่วงเป็น กรรมการร่าง รธน.ในการบันทึกเจตนารมณ์ของ ม.158 ให้เวลาเป็นนายกฯรวมกันไม่เกิน 8 ปีด้วย” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อไปว่า เอกสารของ พล.อ.ประยุทธ์อ้างไม่ขัดกับมาตรฐานสากลนั้น สงสัยว่ามาตรฐานสากลของประเทศไหน สิ่งสำคัญ การอ้างความเชื่อสุจริตการเป็นนายกฯยังไม่เกิน 8 ปี เพราะจะเอา รธน. 2557 มาบังคับใช้ไม่ได้ แล้วยังอ้างการไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องเดียวกันได้ รวมทั้งเสนอศาล รธน.ให้ใช้หลักกฎหมายมาพิจารณา ไม่ใช้หลักข้อเท็จจริงมาตีความ เนื่องจากตามหลักกฎหมายนั้น ได้ขาดตอนการเป็นนายกฯไปแล้วเมื่อ รธน. 2560 บังคับใช้ ดังนั้น เวลาเป็นนายกฯยังไม่สิ้นสุดตาม รธน. 2560

“การใช้หลักคนดีไม่มีวันตายมาอ้างการเป็นนายกฯ แต่การสถาปนาตัวเป็นคนดีเพื่อละเมิดกฎหมาย สังคมจะคิดเช่นไร ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่นจะยินยอมหรือไม่ การอ้างเป็นคนดี มีมาตรฐานหลักสากล เป็นการอ้างที่ปฏิบัติจริงหรือไม่ คนดีสถาปนาตัวเองไม่ได้ ส่วนนายวิษณุบอกว่าถ้ายุบสภา ยังไม่มีกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบ รธน.นั้น ผมจึงฟันธงว่า จะไม่มีเลือกตั้ง เพราะกฎหมายลูกจะเสร็จไม่ทัน 24 มี.ค.66 ซึ่งเป็นวันสิ้นวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้” นายจตุพรกล่าว และว่า คณะหลอมรวมฯ ยังยืนยัน ไม่กดดันศาล รธน. แต่เอกสารที่ออกมาทุกชิ้น เป็นการกดดันหัวใจประชาชน

“เราจะปล่อยให้โชคชะตาบ้านเมืองอยู่ในมือคนเหล่านี้ ที่พูดอย่างทำอย่าง ละเมิดกฎหมาย ฉีก รธน.มากับมือหรือไม่ เราจึงนัดทำกิจกรรมกันในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.นี้ ที่ราชประสงค์ เวลา 5 โมงเย็นตามเดิม” นายจตุพรทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image