สุชาติยัน ขึ้นค่าจ้าง 5% นายจ้างต่างเห็นพ้อง ให้ลูกจ้างอยู่ได้ ไม่โอเวอร์มาก


แรงงานเฮ ‘สุชาติ’ ยันเสียงไตรภาคีเอกฉันท์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่ว ปท. 9 กลุ่ม หลังอั้นโควิด 2 ปี หวังช่วยพยุงค่าครองชีพช่วงเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น

เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 13 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับค่าแรงขั้นต่ำ ว่ากระทรวงแรงงานได้เสนอตามมติของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้างและปลัดกระทรวง โดยที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติเห็นชอบ และเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ถือเป็นความเห็นชอบของไตรภาคีที่เป็นเอกฉันท์ ไม่ได้มีการลงมติ หรือโหวตกัน แต่เป็นการคุยกันแบบลงตัว สำหรับสัดส่วนการปรับขึ้นอยู่ที่ 5-8 เปอร์เซ็นต์ โดยภาพรวมปรับอยู่ที่กว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าช่วงก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงเลย โดยมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563 ผ่านมา 2 ปี จึงรวบยอดปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ

นายสุชาติกล่าวว่า หลายคนอาจมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ ซึ่งตนได้คุยกับนายจ้างแล้ว ถือเป็นการประคับประคองลูกจ้างให้อยู่รอด นี่คือสิ่งที่นายจ้างต้องการ เห็นลูกจ้างมีรายได้ มีเงินพยุงค่าครองชีพ และสัดส่วนที่ขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ นายจ้างรับได้ ไม่ได้เป็นสัดส่วนที่โอเวอร์มาก หากลูกจ้างอยู่รอดนายจ้างก็อยู่รอด ส่วนการปรับดอกเบี้ยตามภาวะเงินเฟ้อ หรือทั่วโลกที่ปรับนั้น รมว.คลังจะควบคุมและกำกับส่วนนี้ ขณะที่พลังงาน รองนายกฯและ รมว.พลังงานจะมีมาตรการต่างๆ ช่วยเหลือ

“ขอเรียนประชาชนว่า การขึ้นค่าแรงเป็นไปตามกลไก ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย หรือราคาพลังงาน รัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยการลดค่าครองชีพที่มาช่วยกัน และสาเหตุที่ผมขอให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำในวันที่ 1 ต.ค.นี้เลย เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่าของมันขึ้นราคาไปรออยู่แล้ว ถ้าเราไปประกาศในวันที่ 1 ม.ค.2566 สินค้าก็จะขึ้นต่ออีกรอบ ดังนั้น ต้องขึ้นค่าแรงเลย เพื่อเป็นการสกัดการขึ้นราคาสินค้าที่รอล่วงหน้า ผมได้ขอให้กองทุนประกันสังคมช่วยเหลือนายจ้างในส่วนตรงนี้ 2-3 เดือน และที่หลายท่านมองว่าการลดเงินสมทบที่ผ่านมาทำให้มีผลกระทบต่อเงินชราภาพจริงๆ แล้วไม่มี เพราะเราได้ใช้มติ ครม.โยกเงินอีกกองมาเติมผลตอบแทนเงินชราภาพ ทั้งนี้ ผมได้ให้ประกันสังคมทำเรื่องชี้แจงว่า การลดเงินสมทบไม่มีผลกับประชาชนในมาตรา 33 ต่อการชราภาพ ไม่เกี่ยวกัน” รมว.แรงงานกล่าว

Advertisement

“การขึ้นค่าแรงรอบนี้เป็นการขึ้นทั้งประเทศ 9 กลุ่ม โดยปรับขึ้นอันดับ 1 คือ ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง จำนวน 354 บาท กรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 353 บาท โดยสรุปปรับขึ้น 18 บาท ไม่ได้ขึ้น 1-2 บาทแบบเมื่อก่อน การปรับขึ้นต้องให้เห็นภาพและสามารถชดเชยกับภาวะเงินเฟ้อได้” นายสุชาติกล่าว

เมื่อถามว่าภาคการผลิตรับได้ใช่หรือไม่เพราะอาจมีผลกระทบถึงขั้นย้ายฐานการผลิต นายสุชาติกล่าวว่า ตนได้โทรศัพท์คุยกับประธานคณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งก็รับได้ในส่วนนี้ แต่ท่านขอในเรื่องของพลังงาน อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจริงๆ แล้วรัฐบาลได้ดูแลในส่วนของพลังงาน ทั้งการชดเชยและการอุดหนุนต่างๆ ซึ่งเชื่อว่านายจ้างรับได้กับการขึ้นค่าแรง หากไม่มีการขึ้นค่าแรงและลูกจ้างต้องแบกภาวะเงินเฟ้อ หรือของที่แพงขึ้น ลูกจ้างจะอยู่ไม่ได้ นายจ้างก็ต้องหาลูกจ้างใหม่ ต้องสอนงานใหม่ ในฐานะ รมว.แรงงานไม่ได้คิดต้องมานั่งไล่ตามการขึ้นค่าแรง แต่คิดจะลดค่าครองชีพพี่น้องแรงงานอย่างไรจะดีกว่า และวันนี้ขอให้พี่น้องแรงงานมีคามสุขกับมติ ครม.ที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image