น.ศ.รามฯถาม ‘จตุพร’ ตอบ ย้อนเหตุ รปห.49 ถึงปม 8 ปีประยุทธ์ ฟันธง ‘ไม่มีเลือกตั้ง’

น.ศ.รามฯถาม ‘จตุพร’ ตอบ ย้อนเหตุ รปห.49 ถึงปม 8 ปีประยุทธ์ ฟันธง ‘ไม่มีเลือกตั้ง’

เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน เสวนาออนไลน์ร่วมกับนักศึกษาเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ในหัวข้อ “รุ่นน้องถาม – รุ่นพี่ตอบ ครบรอบ 16 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49″ โดยนายจตุพรกล่าวถึงที่มาของรัฐประหารปี 2549 ว่าเริ่มจาก รธน. 2540 โดยพรรคไทยรักไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งได้เสียงถึง 377 เสียง จาก 500 เสียง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคอื่นๆ เป็นฝ่ายค้าน มีเสียงรวมกันแค่ 123 คน จึงไม่สามารถเปิดอภิปรายรัฐมนตรีในข้อหาทุจริตได้

ในช่วงที่มีการยึดอำนาจนั้นตนกำลังแข่งฟุตบอลอยู่ที่สนามในค่ายทหาร จึงออกจากค่าย ไม่ได้อาบน้ำ ขณะที่นายทักษิณไปประชุมที่สหประชาชาติ แม้มีนายทหารบางคนเสนอปราบคณะยึดอำนาจเพื่อแลกกับตำแหน่ง ผบ.ทบ.แต่นายทักษิณไม่เห็นชอบด้วย

ฝ่ายคณะยึดอำนาจ นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ขณะนั้นเป็น ผบ.ทบ. และอ้างความกังวลจะเกิดเลือดนองท้องช้างจากการปะทะกันสองฝ่ายระหว่างพวกหนุนรัฐบาลกับผู้ชุมนุมขับไล่ จึงต้องยึดอำนาจ เมื่อสำเร็จจึงให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเป็นนายกฯ กระทั่งมีเลือกตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.2550 ด้วยการแบ่ง ส.ส.บัญชีออกเป็น 8 เขต เขตละ 10 คน ส่วน ส.ส.เขตมี 400 คนตามเดิม

นายจตุพรกล่าวว่า บทเรียนราคาแพงจากการยึดอำนาจปี 2549 คือ ขณะที่พรรคไทยรักไทยมีเสียงประชาชนหย่อนบัตรให้มากถึง 19 ล้านเสียง แต่ไม่มีประชาชนออกมาปกป้องรัฐบาลเลย ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน ที่ไม่ได้แปรให้เกิดความมั่นคงในวิถีประชาธิปไตย ดังนั้น เสียงเลือกตั้งจึงไม่มีความหมายอะไรกับพรรคการเมือง

Advertisement

ส่วนการออกมาเรียกร้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของตนนั้น เป็นไปตามธรรมชาติของความหวังเหมือนคนหนุ่มสาวทั่วไป ที่ใฝ่ฝันให้บ้านเมืองมีการปกครองถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยเต็มใบ โดยเฉพาะในยุคนั้น ตนเห็นว่าเวลาการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยที่ดีที่สุดคือเวลาในช่วงเรียนหนังสือ ยิ่งได้เรียนที่รามทำให้เกิดประสบการณ์เข้าใจการต่อสู้ทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

“ถ้าเปรียบเทียบรัฐประหารปี 2549 กับรัฐประหารปี 2557 แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแวดวงสังคมและฝ่ายผู้ชุมนุมไล่ ดร.ทักษิณ ว่าเสียของ กลุ่มทหารใหญ่จึงยึดอำนาจแก้มือในปี 2557 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเป็น ผบ.ทบ.

พล.อ.ประยุทธ์มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามคนเสื้อแดงในปี 2553 และเมื่อมีการเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งกลับไปไว้ใจทหารมากกว่าประชาชน ในที่สุดก็ถูกยึดอำนาจโดย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นทหารที่อดีตนายกฯปี 2554 ไว้ใจมากที่สุด แสดงว่าคณะ 3 ป.ฉลาดในการเตรียมการ และวางแผนลวงหลอกให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตายใจเสียสนิท

Advertisement

การทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะได้ยืนยาวนั้น นายจตุพรบอกกับรุ่นน้องว่า คนไทยต้องตื่นตัวในประชาธิปไตย รวมทั้งต้องฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ แม้เผด็จการยึดอำนาจเก่งด้วยการถอดบทเรียนการครองอำนาจจากทหารยึดอำนาจแต่ละยุคแล้วมาปรับวิธีใหม่ โดยปี 2557 พวก 3 ป.วางแผนอยู่ยาวถึง 20 ปี ด้วยการบรรจุยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไว้ใน รธน.2560 บังคับให้รัฐบาลทำตาม ถ้าไม่ทำก็เป็นความผิด และตนเชื่อว่ายุทธศาสตร์นี้จะออกฤทธิ์กับรัฐบาลพรรคการเมืองเท่านั้น แต่สิ้นเรี่ยวแรงในยุค พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจ” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับข้อหาเป็นนายกฯครบ 8 ปี และศาล รธน.จะตัดสินในวันที่ 30 ก.ย.นี้นั้น ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนมีความมั่นใจตัวเองสูง การไม่ลาออกจากนายกฯก่อนเที่ยงคืน 23 ส.ค.2565 แต่คิดสู้ ซึ่งแสดงถึงไม่ยอมลงจากอำนาจ ต้องการอยู่ยาวไปถึง 20 ปี เมื่อถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ดังนั้น คนที่มีความมั่นใจและคิดแยบยลละเอียดเช่นนี้จึงอย่าประมาท หรือดูแคลนได้ เพราะถึงขั้นงัดเอาความดีมาต่อสู้กับข้อกฎหมายใน รธน.ที่ถูกกล่าวโทษ สะท้อนถึงเป็นคนสู้จนกว่าจะถึง 30 ก.ย.ที่เป็นวันศาลตัดสิน

“สถานการณ์นายกฯ 8 ปี เมื่อพิจารณาในข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์คงหนีไม่พ้น และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ถ้าหลุดจากนายกฯ เนื่องจาก ครม.จะรักษาการไม่ได้สักคนเดียว เพราะฝ่าฝืน รธน.ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 ซึ่งเป็นวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่เกิน 8 ปีแล้ว จึงเท่ากับละเมิด รธน.แล้ว

อีกอย่างขณะนี้อยู่ช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนฯ การยุบสภาอาจทำไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองเริ่มลงพื้นที่หาเสียงแข่งกัน แต่กฎหมายลูกเลือกตั้งที่มีศักดิ์เทียบชั้นพระราชบัญญัติประกอบ รธน. (พ.ร.ป.) ต้องออกโดยสภาเท่านั้น เมื่อไม่มีสภาก็ออกไม่ได้ รวมถึงปัญหาขัดแย้งกันระหว่าง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จะใช้ระบบ 500 หาร หรือ 100 หาร โดยประเด็นนี้ถูกส่งให้ศาล รธน.ตัดสินแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้จึงเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยถูกต้มให้เลือกตั้ง ส่วนผมมั่นใจว่าจะไม่มีเลือกตั้ง ด้วยเหตุไม่มีกฎหมายลูกเลือกตั้ง และคณะ 3 ป.จะถ่วงเวลาไปจนสภาครบวาระในเดือนมีนาคม 2566 ผลคือ 3 ป.ก็จะอยู่ไปอีกนานตามทิศทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

แม้สถานการณ์ช่วงนี้มองเห็นอนาคตบ้านเมืองมีแต่ทางตัน แต่อยู่ที่คนรุ่นใหม่จะสร้างอนาคตประชาธิปไตยของบ้านเมืองกันอย่างไร ส่วนคณะหลอมรวมประกาศไม่เอา 3 ป. เพื่อนับหนึ่งประเทศใหม่ ด้วยการร่าง รธน.ของประชาชนให้มาปกป้องอธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อสถานการณ์ลึกซึ้งซ่อนเงื่อนแบบนี้ ประกอบกับคณะ 3 ป.ทำเนียนไม่ให้ประชาชนเกิดความรำคาญกับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องชาวบ้าน จึงหวังว่าหลัง 30 ก.ย.จะเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image