‘ภาคีSaveบางกลอย’ จับตาต่อ หลังยื่นร้องอนุชา ไม่สั่งฟ้อง29ชาวบ้าน – ยัน พร้อมเคลื่อนไหวถ้าเดินหน้าคดี

‘ภาคีSaveบางกลอย’ จับตาต่อ หลังยื่นร้องอนุชา ขอไม่สั่งฟ้อง 29 ชาวบ้าน – ยัน พร้อมกลับมาเคลื่อนไหว ถ้าเดินหน้าคดี

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 20 กันยายน ที่บริเวณหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ภาคีSaveบางกลอย เดินทางมาปักหลัก เพื่อยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ที่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระฯ คนที่ 1 และ นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนออกมารับหนังสือดังกล่าว พร้อมพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มภาคีSaveบางกลอย ในขณะที่ผู้ชุมนุมยังปักหลักรออยู่ข้างนอกและมีการปราศรัยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ ภาคีSaveบางกลอย มีข้อเรียกร้องขอความชัดเจนในการสั่งไม่ฟ้องคดีชาวบางกลอย 29 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ มี

โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่สมาชิกชาวบางกลอย 29 ราย ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว และแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก แผ้วถ้าง ยึดถือ ครอบครองอุทยานแห่งชาติแห่งกระจาน ในขณะที่ชาวบางกลอยกลับขึ้นไปทำไร่หมุนเวียน เพื่อปลูกข้าวในพื้นที่ทำกินเดิมก่อนถูกอพยพในปี 2554 เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ซึ่งก่อนนำตัวชาวบ้านลงมาจากบางกลอยบน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับชาวบ้านว่าหากยอมลงมากับเจ้าหน้าที่จะมีการจัดพื้นที่ทำกินให้กับทุกครอบครัว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พาชาวบ้านมาถึง สำนักงานอุทยานแห่งชาติ ชาวบ้านกลับถูกควบคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี โดยถูกส่งไปฝากขังยังศาลจังหวัดเพชรบุรี และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ และในเวลาต่อมาศาลได้ปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไขไม่ให้ชาวบ้านกลับขึ้นไปยังบ้านบางกลอยบน อันเป็นถิ่นฐานเดิม และปัจจุบันก็ยังไม่มีการดำเนินการจัดสรรพื้นที่เพิ่มเติมให้แก่ชาวบ้านตามที่ได้รับปากไว้แต่อย่างใด

Advertisement

ภาคีSaveบางกลอยยัง ระบุต่อว่า ได้ติดตามผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ อย่างต่อเนื่อง พบว่า แม้จะมีความเห็นว่าอัยการไม่ควรสั่งฟ้อง แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทำให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านอื่นๆ ไม่สามารถดำเนินไปได้ตามกรอบเวลาของคณะกรรมการฯ และหากอัยการ จ.เพชรบุรีมีการดำเนินการทางคดีความต่อเนื่องจนศาลรับฟ้องก็จะเป็นการสร้างภาระในการต่อสู้คดีในศาล ทั้งภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหาร และที่สำคัญชาวบ้านอาจต้องสูญเสียอิสรภาพในท้ายที่สุด เท่ากับเป็นการเพิ่มความทุกข์ยากในการดำเนินชีวิตพวกชาวบ้านและครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันชาวบ้านบางกลอยก็ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบากอย่างแสนสาหัสอยู่แล้ว

ภาคีSaveบางกลอย จึงขอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาหาแนวทางให้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีต่อชาวบ้านบางกลอยทั้ง 29 ราย ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากเราเห็นว่าการสั่งฟ้องดำเนินคดีชาวบางกลอยซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมที่เคยอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นมาก่อน ปัจจุบันชาวบ้านมีความเป็นอยู่อย่างยากไร้ เพราะขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและไม่มีที่ดินทำกินที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการดำรงชีพ ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสาธารณะ

“จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาหาแนวทางให้ความช่วยเหลือชาวบ้านกลอยให้ได้รับความเป็นธรรม และให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปิดทางสู่การแก้ไขปัญหาด้านอื่นๆ ต่อไป และขอให้ท่านชี้แจงผลการดำเนินการดังกล่าวแจ้งกลับมายัง ภาคีSaveบางกลอย เป็นลายลักษณ์อักษรตามที่อยู่ข้างต้น ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ท่านได้รับหนังสือฉบับนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากท่านด้วยดี” ภาคีSaveบางกลอยระบุ

Advertisement

ต่อมา เวลา11.45 น. นายพชร คำชำนาญ ผู้แทนภาคีSaveบางกลอย ได้ออกมาแถลงผลการเจรจากับผู้แทนคณะกรรมการอิสระฯ

นายพชรกล่าวว่า การยื่นหนังสือในวันนี้ สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนกันยายน ตนทราบข่าวว่าพนักงานอัยการ จ.เพชรบุรี จะเร่งรัดสั่งฟ้องชาวบ้านบางกลอย 29 ราย ซึ่งจะเป็นการปิดกั้นการแก้ไขปัญหาด่านอื่นๆ และเป็นเดิมพันของชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีหลังการทำรัฐประหารของ คสช. ไม่ต่ำกว่า 34,692 คดีด้วย หากพี่น้องบางกลอยถูกดำเนินคดี ก็จะเป็นสัญญาณไปถึงพี่น้องในพื้นที่อื่นๆ ที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ที่รัฐประกาศทับ

โดยในการเจรจาดังกล่าว นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระฯ คนที่ 1 ได้แจ้งผลความคืบหน้าการดำเนินงานด้านคดีความ ดังนี้

1. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือไปยังอธิบดีอัยการภาค 7 เจ้าของสำนวน เพื่อแจ้งมติคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ที่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อความช่วยเหลือทางคดี โดยทำงานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2565

2. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงยุติธรรมให้พิจารณาให้ความช่วยเหลือ (กองทุนยุติธรรม)

3. คณะกรรมการอิสระฯ ทำงานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการดำเนินการตามกรอบช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 เกี่ยวกับเงื่อนไขในการดำรงชีวิตของชาวบางกลอยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

นายชาญเชาวน์ กล่าวว่า ตามกรอบการดำเนินงาน 3 ข้อนี้ พนักงานสามารถใช้ดุลยพินิจได้ โดยความเคารพดุลยพินิจของพนักงานอัยการ

ด้าน มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลและคณะกรรมการอิสระฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินการเรื่องนี้ อาจมีข้อจำกัดทางกฎหมายบ้าง แต่สามารถจบลงได้ที่การเจรจา พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา

ทั้งนี้ ผู้แทนภาคีSaveบางกลอย ย้ำด้วยว่า แม้วันนี้การยื่นหนังสือจะผ่านพ้นไปได้ แต่จำเป็นต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและไม่นิ่งนอนใจ และพร้อมจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหากอัยการ จ.เพชรบุรี ยังเดินหน้ากระบวนการทางคดี

ภาคี save บางกลอย
พชร ภาคี save บางกลอย
บอย ธัชพงศ์ ภาคี save บางกลอย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image