‘พีมูฟ’ จี้บิ๊กป้อมออก กม.นิรโทษ- ‘แสงเดือน’ พ้อ มีทำไมรัฐบาล? ให้ลืมตาอ้าปากแล้วเหยียบจมดิน ‘ไล่พ้นที่ทำกิน’

‘พีมูฟ’ จี้บิ๊กป้อมออก กม.นิรโทษกรรม ‘แสงเดือน’ พ้อ มีทำไมรัฐบาล? ให้ลืมตาอ้าปาก มาอีกยุคก็เหยียบจมดิน ไล่พ้นที่ทำกิน

สืบเนื่องกรณี นางแสงเดือน ตินยอด เหยื่อทวงคืนผืนป่า วัย 55 ปี จากชุมชนบ้านแม่กวัก อ.งาว จ.ลำปาง ร่วมกับสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายอภิชาต ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่องค์การบริหารส่วนตำบลสบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 12 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือโดยด่วน ก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 28 กันยายนนี้

เมื่อวันที่ 21 กันยายน เวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ร่วมกับ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์, ภาคีsaveบางกลอย และเครือข่าย จัดเสวนาวิชาการ ในหัวข้อ “คดีทวงคืนผืนป่ากรณีแสงเดือน กับกระบวนการยุติธรรมไทย” (อ่านข่าว : ‘ปริญญา’ คาใจ จะเอาเข้าคุกให้ได้ ? ชี้ปมคดีแสงเดือนฯ ‘คนอยู่มาก่อนต้องได้สิทธิ’ อย่าดูแค่แผนที่ตีเส้น)

เวลา 09.57 น. นางแสงเดือน ตินยอด ผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐ ได้เล่าถึงประสบการณ์การถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีว่า ตั้งแต่ปี 2556 ได้มีการออกนโยบายทวงคืนผืนป่า แต่ได้ยินว่านโยบายออกมาเพื่อใช้กับนายทุนไม่ใช่กับประชาชน แต่ผลออกมาคือ นายทุนในบริเวณนั้นไม่มีผลกระทบ แต่มากระทบกับประชาชน และได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางมาหลายกลุ่ม หลายหน่วย แต่ไม่ได้พูดอะไร สะพายปืนมาและมาทุกวัน แต่วันหนึ่งก็มีคำสั่งให้ตัดพันธุ์ยาง เพราะตั้งแต่ปี 2549-2551 มีนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้ปลูกยางในกลุ่มของชาวบ้าน ซึ่งเราทำกินมาตลอด รัฐให้ปลูกยางแต่มาอีกทีรัฐก็มาทำลายยาง แล้วจะให้ชาวบ้านอย่างเราทำอย่างไร

Advertisement

จะทำให้เราลืมตาอ้าปากได้ แต่วันหนึ่งเหยียบเราจมดิน แบบชนิดที่หลั่งน้ำตายังหลั่งไม่ออกเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ชีวิตตกต่ำที่สุด ในครั้งหนึ่งที่โดนทั้งคดีและหลายอย่าง ลูกก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะสิ่งที่เราวาดหวังไว้ว่า เมื่อยางโตแล้วส่วนนี้แหละที่เราจะส่งลูกไปโรงเรียน ให้มีความรู้ ไม่ให้เหมือนอย่างเราที่ไม่ได้เรียนหนังสือ พอเราจะลืมตาอ้าปากได้ก็มาจมยิ่งกว่าพ่อแม่อีก แล้วจะให้เราทำอย่างไร รัฐทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่มาอีกรัฐหนึ่งเหยียบเราจมดินเลย เหยียบแบบจะเอาเราติดคุกให้ได้ ไม่ให้เราได้เกิด แล้วเราจะมีทำไมรัฐบาล นางแสงเดือนกล่าว

ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) จะไปยื่นหนังสือ ถึงประธานศาลฎีกา ที่สำนักงานศาลฎีกา สนามหลวง และคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ยังได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง คืนความเป็นธรรม ให้ความเป็นคน ออกฎหมายนิรโทษกรรมเหยื่อทวงคืนผืนป่า โดยมีเนื้อหาความว่า

Advertisement

ผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า กรณีแสงเดือน ตินยอด หรือ วันหนี่ง ยาวิชัยป้อง ชาวบ้านแม่กวัก อำเภองาว จังหวัดลำปาง หนึ่งในเหยื่อถูกกระทำด้วยนโยบายรัฐที่ไม่เป็นธรรมและปราศจากการรับฟังเสียงของประชาชนนั้น เป็นกรณีที่สะท้อนภาพใหญ่ “ความเหลื่อมล้ำต่ำสูง” ในประเทศอย่างชัดเจนที่สุด โดยจากคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่กลับคำตัดสินคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งจำคุก 1 ปี เรียกค่าเสียหาย 4 แสนบาทนั้น แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมให้ค่ากับกฎหมายและนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐเหนือข้อเท็จจริง ข้อมูล และเสียงเรียกร้องจากประชาชน จนกระทั่งจะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 28 กันยายน 2565 นี้ ชะตากรรมของคนจนนั้นก็เสมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่มีหลักประกันใดๆ ในอิสรภาพ

“คุกกับคนจน” เหมือนต้องคำสาปของสังคมไทย ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุคสมัยรัฐบาล กี่รัฐประหาร กี่รัฐธรรมนูญ ชีวิตของประชาชนที่ไร้อำนาจ ไร้ยศถา ไร้อิทธิพลใหญ่ ก็ยังคงเป็นคนชนชั้นล่าง ที่ต้องก้มหน้าดิ้นรนปากกัดตีนถีบอยู่วันยังค่ำ ทั้งๆ ที่ “ความยากจนไม่ใช่อาชญากรรมและคนจนก็ไม่ใช่อาชญากรของแผ่นดิน”

เราอยู่ในประเทศที่ดัชนีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมอยู่อันดับต้นของโลก แต่อุดมไปด้วยคนเจ้าใหญ่นายโต ผู้ทรงอิทธิพลที่กระทำผิด จนต้องได้รับโทษนั้น กลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ส่วนการลอยนวลพ้นผิดอย่างหน้าตาเฉย หรือการหลบหนีจากผลการตัดสินกลับเป็นเรื่องง่ายดายแสนจะปกติ แต่กับประชาชนที่ได้อยู่อาศัยหากินกับผืนดินผืนป่าของบรรพชน พึ่งพิงธรรมชาติมาช้านาน กลับถูกอำนาจรัฐของตน เปลี่ยนอาณาบริเวณเหล่านั้นให้กลายเป็นเขตป่านานาประเภทในนามของกฎหมายและตราประกาศทับชีวิตประชาชนอย่างไม่แยแส เปลี่ยนประชาชนนับล้านให้กลายเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย ถูกตีตราให้เป็นผู้บุกรุกทำลายป่า ทำลายสมบัติชาติ และเป็นเหยื่อของคดีความและคุกตาราง ภายใต้สิ่งที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม ที่ไม่เคยลบภาพของ “คุกกับคนจน” แต่เดินหน้าตอกย้ำสังคมแห่งความเหลื่อมล้ำต่ำสูง

สังคมนี้ เป็นของเหล่าชนชั้นปกครองเพื่อชนชั้นผู้ปกครอง เพื่อหล่อเลี้ยงความศักดิ์สิทธิ์ของระบอบอภิสิทธิ์ที่ซึมแทรกแผ่ขยายไปทุกอณู เป็นระบบที่นำพาให้ “ความเป็นสองมาตรฐาน” ยังคงดำเนินต่อไปเสมือนเรื่องปรกติ และต้องยอมรับชะตากรรม

ภายใต้ข้อเท็จจริงที่แน่ชัด ว่าคนจนถูกบีบรัดด้วยนโยบายและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เพื่อคืนชีวิต คืนศักดิ์ศรีแก่คนจนให้กลับมาตั้งต้นจากการเป็นผู้บริสุทธิ์ ณ วันนี้ เราขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ จักต้องเกิดขึ้น เพื่อคืนความเป็นธรรม ให้ความเป็นคนแก่ราษฎร โดยเร่งด่วน

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)

21 กันยายน 2565

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image