ทำไมสถานการณ์ที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประสบ กับ สถานการณ์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบ
จึงมี “ความแตกต่าง”
ทั้งๆที่สิ่งที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับ สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำเป็นเรื่องอย่างเดียวกัน
นั่นก็คือ “การขายข้าว”
คำตอบ 1 เป็นเพราะ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ทำเรื่องนี้ในปี 2558
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำเรื่องนี้ในปี 2559
ขณะเดียวกัน คำตอบ 1 เพราะสถานะของ นายสมบัติ บุญงาม อนงค์ กับ สถานะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เหมือนกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น”อดีต”นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นนักกิจกรรม เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
คำตอบ 1 เพราะ”เวลา”แตกต่างกัน
ในห้วงที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ออกโรงทำ”ข้าวถุง”ขายนั้นอยู่ในห้วงแห่งการกระชับอำนาจ
คสช.มากด้วยความหวาดระแวง
คสช.ไม่ต้องการให้มีการขยับ ขับเคลื่อน สร้างประเด็นใดๆในทางการเมือง
การประกาศขาย”ข้าวถุง”ที่เกิดขึ้นก็ไม่ธรรมดา
เพราะเป็นการขายในเงื่อนไขที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ยืนยันที่จะซื้อจากชาวนาในราคาตันละ 15,000 บาท
จำนวน 15,000 บาทต่อตัน “หวาดเสียว”อย่างยิ่ง
เนื่องจากนี่คือจำนวนที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำหนดไว้ในโครงการรับจำนำข้าว
เท่ากับ”ท้าทาย”โดยตรงไปยัง”คสช.”
หาก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ทำแล้วประสบความสำเร็จเท่ากับเป็นเครื่องการันตีให้กับโครงการ”จำนำข้าว”
มีหรือที่ “คสช.”จะยอม
ขณะเดียวกัน เมื่อล่วงเข้ามายังเดือนพฤศจิกายน 2559 สถานการณ์ราคาข้าวกำลังกลายเป็น “วิกฤต”
วิกฤตกระทั่ง”คสช.”เองก็หาทางออกเต็มกำลัง
ยิ่งกว่านั้น คสช.และรัฐบาลยังก้าวพลาดในการ”ออกตัว”ครั้งแรกโดยโยนไปยัง “โรงสี”และ”กลุ่มการเมือง”
กระทั่งทำให้”โรงสี”รับไม่ได้
และในที่สุด รัฐบาลก็ออกมาตรการ”สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก”ให้กับชาวนา
และเรียกอีกอย่างว่า“จำนำยุ้งฉาง”
ห้วงนี้เองที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือก”ออกมา”
เป็นการออกมาอย่างสอดรับกับ “สถานการณ์” เป็นการออกมาอย่างตรงกับความรู้สึกและความต้องการของ”ชาวนา”
ทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงโล่ง สะดวก