จตุพร-นกเขา แถลง นับแต่บัดนี้อย่าหวังความสามัคคีในแผ่นดิน ชี้ ประยุทธ์รอดศาล แต่ไม่พ้นพลังประชาชน

จตุพรขอบคุณศาลรธน.วินิจฉัยประยุทธ์รอด เป็นหัวเชื้อจุดติดทั้งแผ่นดิน ลุยต่อนัดหารือหยุดอำนาจ 3 ป. 2.ต.ค.ที่อนุสรณ์ฯ 14 ตุลา

วันที่ 30 กันยายน เวลา 17.00 น. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และกลุ่มประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน จัดกิจกรรมการชุมนุม “หยุดอำนาจ 3 ป. นับหนึ่งประเทศไทย” หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ครบ 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่กำหนด

นายจตุพรกล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า คณหลอมรวมประชาชนต้องขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์รอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่รอดด้วยพลังของประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนและคณะ ได้พูดตามที่ต่างๆ แม้ว่าโดยข้อเท็จจริง แม้ตามข้อกฎหมายเราคิดว่าเป็นอื่น ไม่ได้ อย่างไร 8 คือ 8 ไม่ใช่ 6 8 คือ 8 และมีความคาดหวังลึกๆ ว่า ความอยุติธรรมทั้งปวงนี้ การรอดของพลเอก ประยุทธ์ เปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกประชาชน ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา

“วันนี้ถ้าพลเอก ประยุทธ์รอด คนไทยก็จะเพิกเฉย ไปฉลองชัยกัน ระบบ 3 ป.ยังคงดำรงอยู่อย่างครบถ้วน เพราะฉะนั้นภารกิจของคณะหลอมรวมประกาศชัดเจนคือ หยุด 3 ป. หยุดรัฐประหาร นับหนึ่งประเทศไทย เพราะฉะนั้นภารกิจของคณะหลอมรวมนั้น คือการจัดการทั้ง 3 ป.ไม่ใช่ ป.ใด ป.หนึ่งต้องไปทุกๆ ป.
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ถูกปรามาส จุดไม่ติดบ้าง แต่การรอดของพลเอก ประยุทธ์นั้น เปรียบเสมือนหัวเชื้ออย่างดี มันจุดติดกันทั้งแผ่นดินนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า พวกเราได้หารือในเบื้องต้นว่า เนื่องจากสถานการณ์ที่ต้องการมีการรุกคืบคณะ 3 ป.ยังเป็นระบบ จึงขอนัดหมายปรึกษาหารือกับประชาชนที่ทนต่อความอยุติธรรมไม่ได้ในเวลา 13.00 น. ตรงที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ระดมความคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปและจะมี มาตรการนำเสนออย่างไร
รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ กลุ่มราษฎรที่ชุมนุมกันอยู่ที่สกายวอล์กขณะนี้ด้วย

Advertisement

นายนิติธร กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้มีความชัดเจนทางการเมือง ว่าวันนี้อำนาจทางการเมือง ซึ่งเติบโตจากการรัฐประหาร เติบโตจากการวิ่งพล่าน ทักมารวมตั้งเป็นพัก แล้วกดออกกฎหมายเอง กฎกติกาเอง ผู้ตัดสินก็ล้วนมาแต่อำนาจ คสช.อย่างปฏิเสธไม่ได้เป็นความเชื่อมโยง คำวินิจฉัยวันนี้ มีข้อน่าสังเกตว่าช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ คณะกรรมการกฤษฎีกา 7 คน ซึ่งเป็นคณะพิเศษ ที่ตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2565 มีความละม้ายคล้ายคลึงเป็นทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นวันนี้คือความชัดเจน ว่าอำนาจทางการเมืองอำนาจของกลุ่มทุน อำนาจของต่างชาติ กับอำนาจของปวงชนนั้นได้แยกออกจากกันอย่างชัดเจนแล้ว

“นับจากวันนี้ไป อย่าหวังความสามัคคีในแผ่นดินนี้อีก หลังจากนี้จะมีแต่การเผชิญหน้า ระหว่างอำนาจทางการเมือง กับอำนาจอธิปไตย เพื่อจะพิสูจน์ว่า แผ่นดินนี้ใครควรจะเป็นใหญ่ ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน ฉะนั้นเมื่อขีดเส้นไม่ต้องการความสมัครสมานสามัคคี เมื่อไม่ขีดเส้นความชอบธรรมทางการเมือง นั่นคือการขีดเส้นความแตกแยก ฉะนั้นหลังจากวันนี้พ่อแม่พี่น้องทุกคนประชาชนทุกคน จงลุกขึ้นสู้ จงลุกขึ้นเอาอำนาจอธิปไตยกลับคืนมา แล้วกวาดล้างนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่ใช่ 3 ป. นักการเมืองทั้งหมด กวาดล้างกันให้เส้นนับจากนี้ไป เอาให้เสร็จก่อนสิ้นปี และสร้างประเทศใหม่ ไม่ต้องก้มหัวให้ใครแล้วอีกต่อไป” นายนิติธรกล่าว

Advertisement

ในตอนหนึ่ง นายจตุพรกล่าวว่า 10 วันที่แล้ว คนดีก็รอดไป 1 คน วันนี้คนดีก็รอดกันไปอีกคน ที่อยู่ที่นี่คนชั่วทั้งนั้น คนดีทำอะไรก็ไม่ผิด ตนยังจำวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้

“เอาผมไปขังเอาไว้ ด้วยการถอนประกัน”

“ผมสมัคร ส.ส.ในเรือนจำ บอกว่าคุณสมบัติถูกต้อง ผมขอไปใช้สิทธิไม่ยอมให้ไปใช้สิทธิ ท้ายที่สุดก็บอกว่านายจตุพรไม่ไปใช้สิทธิ จึงให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อความที่ถอนประกันผม ไปดำเนินคดี ปรากฏว่าดีเอสไอก็ไม่สั่งฟ้อง อัยการก็ยืนไม่สั่งฟ้อง ถามว่ามีใครรับผิดชอบในการพ้นตำแหน่งของผมไหม เนื้อความเดียวกันนี้ ผมไม่ได้มีความผิด แต่นี่นายจตุพรเป็นคนชั่ว พลเอก ประยุทธ์เป็นคนดี สุเทพ เทือกสุบรรณเป็นคนดี ขอให้ดีแล้วฉิ*หายฉิ*หายแล้วกัน” นายจตุพรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image