บทนำมติชน : บิ๊กตู่ไปได้ถึง2568
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ ตุลาการเสียงข้างมาก 6 คน ได้แก่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์ ส่วนตุลาการเสียงข้างน้อย 3 คน ได้แก่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ และนายนภดล เทพพิทักษ์
ผลที่เกิดขึ้นทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามเดิม เท่ากับว่า ห้วงวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นจาก 6 เมษายน 2560 ถึงห้วงเวลาเดียวกันในปี 2568 ขณะที่เสียงวิจารณ์ระบุว่า มีการเปิดเผยถึงเจตนารมณ์ของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วว่า ต้องการให้นับเวลาตามจริง นั่นคือเริ่มต้นนับในปี 2557 อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษมาศึกษาปัญหานี้ในคณะกรรมการชุดนี้มีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 อยู่ด้วย คือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และสรุปผลว่าต้องเริ่มนับเมื่อเริ่มใช้รัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลได้ใช้ผลศึกษาดังกล่าวมาต่อสู้ข้อกล่าวหา
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมา ทุกฝ่ายควรรับฟัง เพื่อนำไปปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้สมบูรณ์และมีความยุติธรรมตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นมากขึ้น รัฐธรรมนูญ 2560 ร่างขึ้นภายหลังรัฐประหาร 2557 แม้มีการทำประชามติทั่วประเทศ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐธรรมนูญ ที่ยกร่างโดยคณะบุคคลที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ก็เป็นการทำประชามติในบรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และมีข้อจำกัดต่างๆ แต่ประชามติดังกล่าว ก็ยังถูกกล่าวอ้างโดยฝ่ายสนับสนุนรัฐประหารมาตลอด พรรคการเมืองต่างๆ ควรศึกษาหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังต่อไป เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญของทุกๆ คน มิใช่รัฐธรรมนูญที่ดีไซน์มาเพื่อ พวกเรา
