09.00 INDEX การทอดยาว ของการ ‘ปรับครม.’ ปัญหาของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยิ่งปล่อยให้สถานการณ์ “ปรับครม.” ทอดเวลาออกไปยาวนานมาก เพียงใด ยิ่งสะท้อนให้เห็น “อำนาจ” ที่มีอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามีอยู่ในความเป็นจริงอย่างไร เพียงใด
โจทย์แรกและเป็นพื้นฐานอย่างที่สุดก็คือ จะสามารถ “จำกัด” กรอบและ “ขอบเขต” ได้หรือไม่
เหมือนกับปัญหาจะขึ้นอยู่กับการจัดความสมดุลระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ อย่างเป็นด้านหลัก
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับ “อำนาจ” ที่มีอยู่ในทางเป็นจริงของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
หากปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งยวดนั้นก็คือ อำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอยู่ในการขับเคลื่อนรัฐบาล ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐอยู่ในฐานะ “แกนนำ” สำคัญ
เนื่องจากความต้องการในการปรับครม.มิได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียว หากแต่ “ภายใน” พรรคพลังประชา รัฐก็มีความปรารถนาอย่างยิ่งยวด
ในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จำเป็นต้องตกลงและทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ได้
ที่มีการนิยามความหมายของคนในวงการเมืองว่ามิได้ดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ มิได้ดำรงอยู่อย่างเป็นตัวของตัวเอง ความแจ่ม ชัดจะสำแดงเมื่อมีเรื่อง “ปรับครม.”
ทั้งๆที่เหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือน ทั้งๆที่มีความต้องการในการปรับครม.เด่นชัดอย่างที่สุดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ตามใจ
ปัจจัยพื้นฐานก็คือ การว่างลงของตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ของรัฐ มนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นี่คือ “ไฟท์บังคับ” และพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงความต้องการอย่างเด่นชัด ขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ปฏิเสธว่ามีความต้องการที่จะปรับด้วยเหมือนกันเพื่อความคล่องตัว
คำถามก็คือทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไม่ได้
เด่นชัดว่าที่ทำไม่ได้ปัญหาไม่ได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ปัญหาไม่ได้มาจากพรรคภูมิใจไทย หากนับวันสังคมจะสัมผัสได้ว่าเป็นปัญหาจากพรรคพลังประชารัฐ
ในที่สุดแล้วปัญหาก็มาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ในที่สุดแล้วปัญหาก็วนกลับเข้าสู่รากฐานเดิมนั่นก็คือ การไม่เป็นเอกภาพระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ในที่สุดแล้วนี่คือปัญหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา