ยิ่งลักษณ์ ปัดแสดงความเห็นหลังสอบพยาน นาน7ชม. ได้แค่2จาก4ปาก มาอีก17ก.พ.

′ยิ่งลักษณ์′ ปัดแสดงความเห็นหลังฟังคำไต่สวนนัดแรก ′จำนำข้าว′ ยิ้มรับกำลังใจยังเต็มร้อย หลังฟังคำไต่สวน 2 จาก 4 ปาก ยาว 7ชม. ด้านทนายความย้ำทำเต็มที่แล้ว

วันที่ 15 มกราคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนายความ เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังอัยการนัดสืบพยานไต่สวนนัดแรกในคดีโครงการรับจำนำข้าว เพื่อไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ รวม 14 ปาก ภายในเวลา 5 นัด ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559, วันที่ 17 และ 26 กุมภาพันธ์ 2559, วันที่ 4 และ 23 มีนาคม 2559

ขณะที่พยานชุดแรก ที่คณะทำงานอัยการ โจทก์ จะส่งให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ทั้ง 9 คนไต่สวน ก็จัดเตรียมไว้ 4 ปากด้วยกัน ประกอบด้วยจำนวน 4 ปาก ประกอบด้วย นายนิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายจิรชัย มูลทองโร่ย อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ทิพยวาน พยานสื่อมวลชน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังเข้าฟังคำไต่สวน ว่า ยังไม่ขอให้ความคิดเห็นเพราะเพิ่งเริ่มต้น และถือว่าทนายทำเต็มที่แล้ว วันนี้ได้มีการสืบพยานไปเพียง 2ปาก จึงยังไม่เสร็จต้องสืบพยานครั้งหน้า ในวันที่17ก.พ.นี้

เมื่อถามว่ามีความหนักใจไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ ขออนุญาตไม่พูดอะไรตอนนี้เพราะเป็นการนัดสืบพยานวันแรก ยังต้องสืบพยานอีกหลายครั้ง และพบกับสื่อมวลชนอีก โดยในเดือนหน้าจะเดินทางมาศาลอีกครั้ง เฉลี่ยมาศาลเดือนละ2ครั้ง

ADVERTISMENT

ส่วนคดีที่ยื่นฟ้องกลับอดีตอัยการสูงสุดและคณะทำงานฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบสรุปสำนวนคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “วันนี้ยังไม่ขอพูด”

เมื่อถามว่าวันนี้กำลังใจยังคงเต็มร้อยหรือไม่ในการต่อสู่คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยิ้มและพยักหน้า

ทั้งนี้นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ถือว่าทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ชี้ให้ศาลเห็นว่าสิ่งที่พยานฝ่ายโจทก์พูดมาเป็นอย่างไร ที่เหลือคือหน้าที่ของศาล ไม่กังวลใจกับพยานฝ่ายโจทก์ที่เหลือ มองเป็นไปตามการพิจารณาของศาล ส่วนในด้านการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยนั้นอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อม

สำหรับการไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์นัดแรกในคดีโครงการรับจำนำข้าว มีการเบิกพยานฝ่ายโจทก์ให้ทนายฝ่ายจำเลยเป็นผู้ซักค้านแล้ว 2ปาก จากทั้งหมด 4ปาก กว่า 7ชั่วโมง โดยพยานฝ่ายโจทก์คนแรก คือ นายนพดล ทิพยวาน พยานสื่อมวลชน ยืนยัน ตนนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง ที่จำเลยกล่าวอ้างว่ามีการลงนามข้อตกลง โดยระบุภายหลังว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาขอแก้ไขคำว่าเป็นสัญญาซื้อขายข้าว

ส่วนปากที่สอง คือ นายนิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวชี้แจงในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ เพื่อให้ทนายจำเลยเป็นผู้ซักค้าน โดยระบุถึงผลงานวิจัยของทีดีอาร์ไอ ว่า มีความแตกต่างระหว่างโครงการรับจำนำข้าวและการประกันราคาข้าวนั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามหลักเศรษฐศาสตร์เรียกว่าการประกันราคาข้าว เนื่องจากการจำนำข้าวจะต้องรับซื้อข้าวจากเกษตรกรต่ำกว่าราคาตลาด

ส่วนการวิจัยโครงการรับจำนำข้าวที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้ว่าจ้างทีดีอาร์ไอนั้น ทาง ป.ป.ช. ได้ กำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์การศึกษาจริง แต่วิธีการการวิจัยทีดีอาร์ไอเป็นผู้กำหนดเองและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และในข้อกฏหมายทีดีอาร์ไอไม่ได้มีการศึกษาในข้อกฏหมาย รวมถึงการศึกษาผลกระทบโดยตรงที่มีสอดคล้องกับกำไรจากโครงการรับจำนำข้าว

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้นำเอกสารข้อมูลตามตามวิจัยดังกล่าวมอบให้กับศาลฎีกาฯและทนายฝ่ายจำเลยในการตรวจพยานหลักฐานด้วย

พร้อมกันนี้นายนิพนธ์ ชี้แจงว่า แม้ว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิบัติตามมาตรา 88 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 ที่รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือเกษตรกรและชาวนา แต่ก็ผิดตามมาตรา 88 วรรค 1 เนื่องจากได้สร้างความเสียหายให้ประเทศ โดยการตั้งราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดถึง 50% โดยอ้างอิงราคาจากองค์การตลาดเพื่อการเกษตร หรือ อคต. และองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. พร้อมยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการแทรกแซงราคาตลาดจนทำให้เกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ได้ยืนยันว่ามีข้าวหายจำนวน 2 ล้านตัน ตามข้อมูลของ อคต. และ อคส. ที่รวบรวมไว้และนำมาเปรียบเทียบ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีตัวเลขค่าเสื่อมราคาข้าวของทีดีอาร์ไอมีตัวเลขที่ต่ำกว่าของอนุกรรมการปิดบัญชีข้าว ซึ่งไม่ตรงกัน เพราะอนุกรรมการปิดบัญชี ไม่สามารถปิดบัญชีทุก 3 เดือน ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 536,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขควาทเสียหายที่แน่นอนจะต้องรอคณะกรรมการนโยบายข้าว หรือ นบข. ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำหน่ายข้าวให้หมดก่อน

อย่างไรก็ตาม ได้มีการต่อเวลาไต่สวนพยานนายนิพนธ์ เพิ่มออกไป เนื่องจากทนายฝ่ายจำเลย มีคำถามไต่สวนมากกว่า 160 คำถาม จึงทำให้ต้องเลื่อนการไต่สวนพยานอีก 2 ปาก ได้แก่ นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตวจจเงินแผ่นดิน และนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ออกไปเป็นนัดที่ 2 วันที่ 17 ก.พ.59