‘ณัฐวุฒิ’ บอกชัด ลุงไหนอยู่ในใจตลอดกาล ขอบคุณ กทม.เอื้อที่จัด ‘อาลัยนวมทอง’ คนหัวใจใหญ่ ไม่ต้องมีดาวเต็มบ่า ขอเดินหน้าภารกิจ ทวงยุติธรรมให้นักสู้
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 14.00 น. ที่สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์ สะพานลอยหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต กลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่าย ได้จัดกิจกรรมไว้อาลัยเนื่องในวาระครบรอบ 16 ปี การเสียชีวิตของ นายนวมทอง ไพรวัลย์ อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อประท้วงการทำรัฐประหาร ปี 2549 ก่อนผูกคอปลิดชีพตนเองหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 โดยมี นางบุญชู ไพรวัลย์ ภรรยาของนายนวมทอง และลูกสาว ร่วมด้วย
อ่านข่าว : เสื้อแดง รำลึก 16 ปีลุงนวมทอง หรีดอาลัยล้นใต้สะพานลอยจุดปลิดชีพต้านรัฐประหาร
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย (พท.) กล่าวรำลึกความว่า เรามารวมตรงนี้ทุกปี 16 ปีที่ผ่านมา เพื่อประกาศยืนยันว่าการตัดสินใจอย่างยิ่งใหญ่ของชายชื่อ นวมทอง ไพรวัลย์ คือการตัดสินใจที่ต้องได้รับการเคารพ คารวะ สดุดี และระลึกถึงตลอดกาลนาน 16 ปีที่แล้วก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 สังคมไทยไม่เคยรู้จักท่าน คนขับแท็กซี่คนธรรมดาคนหนึ่งทำมาหากินสุจริตเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว แต่หลังจากการรัฐประหาร ชายคนนี้ตัดสินใจขับแท็กซี่เครื่องมือทำกิน พุ่งเข้าชนรถถังต่อต้านเผด็จการ
“เราจึงได้รับรู้ว่าประเทศนี้มีหัวใจแบบนี้ เป็นหัวใจของนักสู้ชื่อ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ถัดจากลุงนวมทอง สังคมการเมืองไทยยังคงมีความขัดแย้งปรากฏ คนแสดงตัวเป็นลุงขึ้นอีกหลายคน จากลุงนวมทอง หลายปีต่อมามีคนประกาศตัวว่าเป็น ลุงกำนัน จนปัจจุบันมีคนประกาศตัวว่าลุงตู่ ลุงป้อม อย่างที่เรารับรู้กัน เพียงแต่ใครจะเป็นลุงชื่ออะไร บทบาทไหน สำหรับฝ่ายประชาธิปไตย สำหรับประชาชน ถ้าจะมีลุงสักคนอยู่ในหัวใจตลอดกาลนาน ลุงคนนั้นต้องชื่อลุงนวลทอง ไพรวัลย์ ผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ ณ ที่ตรงนี้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ลุงนวมทองจากไปแล้ว 16 ปี ยังมีคนระลึกถึง แต่ลุงบางคนอยู่มาแล้ว 8 ปีมีแต่คนบอกว่าให้ออกไปตั้งแต่บัดนี้ นี่คือความแตกต่างและยังคงแตกต่างเช่นนี้ตราบเท่าที่ยังมีฝ่ายเผด็จการยืนเผชิญหน้ากับผู้เชื่อมั่นในประชาธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทย
“การจัดงานดำเนินทุกปี ที่เราทำกันอยู่ความหมายของมันไม่ใช่แค่นานๆ เจอกันที แต่ความหมายของมันคือการพิสูจน์ ยืนยันว่าจิตวิญญาณแบบนี้ไม่เคยตาย ว่าจิตอุดมการณ์แบบนี้มีอยู่จริง นายทหารบางคนในกองทัพไม่เคยรู้จัก ไม่เคยยอมรับ เราก็เลยต้องมาทำทุกปีให้คนใหญ่คนโตในประเทศนี้ยอมรับให้ได้ ว่าวันนี้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน หัวใจและอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องมากับดาวเต็มบ่า ไม่ต้องมากับอำนาจกับบังคับบัญชาแบบใด ลุงนวมทองขับรถถังไม่ได้ ขับแต่พวงมาลัยแท็กซี่ แต่สั่งตัวเองได้ว่าจะไม่ยอมแพ้ มาเป็นผลของวีรบุรุษตัวจริง” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า 16 ปีที่ผ่านมา ทุกปีสำหรับตน 16 ปีที่ยืนสู้อยู่บนถนนเส้นนี้ใครคือวีรบุรุษผู้กล้าที่ตนให้เคารพ ควรคารวะมากที่สุด แล้วคำตอบเดิมจนปัจจุบันคือ นวมทอง ไพรวัลย์ ดังนั้น วันนี้หวังใจว่าประชาชนผู้สัญจรไปมา ผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดจนคนหนุ่มสาวรุ่นหลานที่มากันวันนี้ คนที่ทราบแล้วเขาจะได้เชื่อมั่น คนที่ไม่ทราบ เขาจะได้ถามไถ่ ค้นคว้าหาข้อมูลกัน หรือแม้กระทั่งคนที่คิดต่างเขาจะได้ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ว่าคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยจนถึงขั้นยอมแลกด้วยชีวิตมีอยู่จริง และเป็นสัจจะที่ไม่มีเผด็จการที่ไหนลบล้างได้
“ภารกิจของเรา ไม่ใช่ภารกิจเพียงแค่การรำลึก สดุดีเท่านั้น ภารกิจใหญ่สำคัญของเรายังมีอีกเรื่องใหญ่ คือการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนผู้บาดเจ็บล้มตายจากการต่อสู้เพื่อการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมที่มีผู้สูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 บางช่วงเวลาก็มีคนถามผมว่าจะทำต่อหรือไม่ บางช่วงเวลาก็มีคนทำผมว่า ยากลำบากขนาดนี้จะเดินได้อย่างไร
ให้ทราบตรงกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธรรมดา หรือแกนนำ นปช. รัฐมนตรี ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย สำหรับผม ภารกิจในการทวงถามความยุติธรรมให้คนเจ็บคนตายจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นหน้าที่ เป็นดาวที่ติดตัวติดชีวิต ที่ยังจะต้องทำและเดินหน้า” นายณัฐวุฒิระบุ
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า เรียนว่า ได้เดินหน้า ได้พยายามพูดคุยกับทำความเข้าใจกับหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง คืบหน้าไปแล้วพอสมควร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้ใช้โอกาสนั้นเล่าให้พี่น้องทราบว่า เราจะเดินหน้ากันต่อไปกันอย่างไร ภารกิจนี้ไม่ใช่ภารกิจที่ตนขึ้นไปทำสัมพันธ์ แต่เป็นภารกิจที่หลายคนหลายฝ่าย ยังคงช่วยกันยังคงจับมือและเดินหน้าไปด้วยกัน
อีกประการต่อมาอยากเรียนว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ยังคงเชื่อมั่นว่าหลักการที่ถูกต้องจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ขอให้ยังคงเชื่อมั่นว่า ถึงที่สุดบ้านเมืองนี้จะต้องเดินไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ถ้าหากเราเดินมาไม่ถูกทางจริง สังคมไทยคงไม่มีสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงคืบหน้ามาเรื่อยๆ จนถึงขนาดนี้ ไม่ใช่ความสำเร็จผลงานหรือเครดิตเฉพาะส่วนของบุคคล หรือองค์กรใดๆ แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ ว่าเมื่อรู้ความจริง สัมผัสข้อมูล เข้าใจหลักการ เข้าถึงเหตุผล แม้จะมีวิธีทางที่แตกต่าง มีวิธีคิดที่ไม่เหมือนกันบ้าง แต่ถึงที่สุดก็หันหน้าไปทางเดียวกัน คือแนวทางประชาธิปไตย
“ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนทุกท่าน ผู้ร่วมอุดมการณ์ที่จะมาร่วมกันตรงนี้ คนหนุ่มคนสาวเห็นมาหลายคน พรรคการเมือง พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย ตลอดจนทุกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย แม้ว่าไม่ได้มา ผมเชื่อว่าเรามีหัวใจร่วมกัน”
“ขอขอบคุณกรุงเทพมหานคร ถ้าพี่น้องจะสังเกต ว่าปีนี้เรามาทำกิจกรรมมีการเอื้อเฟื้อจากกรุงเทพมหานครเข้ามาบริการ ทราบว่า 1-2 วันก่อน มีพนักงานจากสำนักงานเขตมาดูแลเอื้อเฟื้อพื้นที่ เพราะตรงนี้กำลังเป็นพื้นที่ก่อสร้าง นี่เป็นรหัสสัญญาณหนึ่ง ว่ามีตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง เขาจะเข้าใจ เขาจะเคารพในการแสดงออกของประชาชน แตกต่างจากอำนาจหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่มาจากเผด็จการ” นายณัฐวุฒิกล่าว และว่า
“เรื่องพี่น้องที่มา เรื่องมวลชน เยาวชนคนหนุ่มสาว ก็ได้กล่าวขอบคุณไปหมดแล้ว ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่ต้องกล่าวคารวะและขอบคุณ และอยากชวนทุกคนส่งหัวใจขอบคุณด้วย คือขอบคุณภรรยาและลูกๆ ของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ 16 ปีที่กำลังหลักและผู้นำครอบครัวจากไป คุณพี่บุญชูกับลูกสาวและลูกชาย ยังคงดำรงชีวิตอย่างเข้มแข็งด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของผู้เป็นสามีและผู้เป็นพ่อ แล้วยังคงยืนหยัดเคียงข้างกับประชาชนผู้ร่วมต่อสู้จนถึงขนาดนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว
จากนั้น นายณัฐวุฒิได้ขอเสียงปรบมือให้กับครอบครัวไพรวัลย์ ก่อนโอบกอดให้กำลังใจ นางบุญชู และเดินทางกลับ