เซฟบางกลอย-ทะลุแก๊ซ ยื่นยูเอ็น ขอความคุ้มครอง หลังมือมืดตัดสายคลัตช์จยย.-รุมขู่เด็กวัย 13

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน บริเวณหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ภาคีเซฟบางกลอยและกลุ่มทะลุแก๊ซ ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติ และองค์กรพิทักษ์สิทธิเด็ก เรื่อง ‘การติดตามกรณีนักกิจกรรมและเยาวชนถูกคุกคามและทำร้ายร่างกาย’

นางสาวอัญชลี อิสมันยี ผู้ยื่นหนังสือ กล่าวว่า สาเหตุของการเข้ายื่นหนังสือในวันนี้ มาจากกรณีที่นางสาวแทนฤทัย แท่นรัตน์ กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย โดนตัดสายคลัตช์รถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ กลางคืนวันเดียวกัน เยาวชนอายุ 13 ปี กลุ่มทะลุแก๊ซ ถูกบุคคลไม่ทราบฝ่าย 6 คน ข่มขู่ด้วยอาวุธ และลงมือทำร้าย ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์แยกราชวิถี ดังนั้น จุดประสงค์ของการยื่นหนังสือในครั้งนี้คือการขอรับการคุ้มครองในฐานะที่เราเป็นประชาชนในประเทศสหประชาชาติ ที่สำคัญคือ เยาวชน ซึ่งตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ต้องได้รับการคุ้มครอง ตลอดมาทางรัฐบาลได้ละเมิดกฎข้อนี้โดยไม่มีการคุ้มครอง

“เราไม่อาจฟันธงได้ว่าคนที่ทำนั้นเป็นใคร จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 คนนี้ ได้การติดตามจากเจ้าหน้าที่รัฐมาเป็นปี รวมถึงการแสดงออกทางการเมือง นั้นสามารถคิด วิเคราะห์ออกไปได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็น ของการเห็นต่าง ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรามองว่าบุคคลธรรมดาที่มีอาวุธ มีด เข้าไปตัดสายคลัตช์รถมอเตอร์ไซค์ได้ ยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นใคร”  นางสาวอัญชลีกล่าว

Advertisement

 

สำหรับหนังสือดังกล่าว ส่งถึง Ms.Cynthia Veliko Regional Representative of the High Commissioner for Human Right in South-East Asia

เนื้อหาโดยสรุป ดังนี้

Advertisement

การคุกคามนักกิจกรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐไทย หรือโดยการสนับสนุนรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สืบเนื่องจาก 2 เหตุการณ์ล่าสุด ได้แก่

1.วันที่ 21 ต.ค. น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ นักกิจกรรมหญิงอายุ 22 ปี จากกลุ่ม “เฟมินิสต์ปลดแอก และภาคีเซฟบางกลอย โดนตัดสายคลัตช์รถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุในคืนวันดังกล่าว น.ส.แทนฤทัย นำรถไปจอดในโรงเรียนสตรีวิทยาขณะไปรับประทานอาหาร จากนั้นพบเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนแนะนำให้เอารถไปจอดภายในโรงเรียนเพื่อความเรียบร้อย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับ แต่ไม่สามารถควบคุมรถได้ รถกระชาก เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ ทำให้รถล้มจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อตรวจสอบพบว่าสายคลัตช์มีรอยถูกกระชากและขาดเสียหายทั้งที่เพิ่งเปลี่ยนสายใหม่เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

2.กลางคืนวันเดียวกัน เยาวชนอายุ 13 ปี จากกลุ่มทะลุแก๊ซ ถูกบุคคลไม่ทราบฝ่าย 6 คน ข่มขู่ด้วยอาวุธมีด ปืน และลงมือทำร้ายร่างกาย ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์จอดติดไฟแดงที่แยกราชวิถี กลุ่มบุคคลดังกล่าวขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากทาง สน.ดุสิต มีชายทั้ง 6 คนกลับเข้ามาทำร้าย ข่มขู่ด้วยมีดด้ามยาวและมีการเหน็บปืนให้เห็น ต่อยเข้าที่ใบหน้า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต ทั้งนี้ รายละเอียดเหตุการณ์ปรากฏตามภาพและเนื้อหาข่าวที่แนบท้ายมาตามหนังสือนี้

ทั้งนี้ น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ เป็นนักกิจกรรมจากกลุ่ม “ภาคีเซฟบางกลอย” และ “เฟมินิสต์ปลดแอก” รวมถึงร่วมผลักดันประเด็นการเมืองและสิทธิมนุษยชนอีกหลายประเด็น เช่น สมรสเท่าเทียม สิทธิที่ดินทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์ จัดกิจกรรมวันผู้สูญหายสากล และอื่นๆ

ส่วนเยาวชนที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นนักกิจกรรมจากกลุ่ม “ทะลุแก๊ซ” ซึ่งได้ใช้สิทธิในการแสดงออกและเข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมต่างๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าสันนิษฐานว่ามีมูลเหตุทางการเมืองจากพื้นหลังของบุคคลทั้ง 2 ดังกล่าว และถือเป็นประเด็นปัญหาที่น่าห่วงกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากมีลักษณะเป็นการคุกคามที่เล็งผลถึงชีวิต และเป็นการละเมิดสิทธิในการมีชีวิตตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำความรุนแรงต่อเยาวชนดังที่กล่าวไปข้างต้นเป็นปัญหาร้ายแรง เป็นการละเมิดสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง จากการใช้ความรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจโดยจำเป็นต้องเน้นย้ำว่า เยาวชนดังกล่าวได้พยายามแสวงหาความช่วยเหลืออจากเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หากแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือในเวลาที่เกิดเหตุเลย

การละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้เพียงเกิดขึ้นกับ 2 กรณีดังกล่าว ที่ผ่านมาประชาชนและนักกิจกรรมฝั่งประชาธิปไตย ได้ถูกเจ้าหน้าที่รัฐได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนไทยที่เรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยการทำร้าย ทรมาน สังหารนอกกระบวนการยุติธรรม และบังคับให้สูญหาย รวมทั้งติดตามคุกคามนักกิจกรรมอย่างต่อเนื่องนับไม่ถ้วนด้วยวิธีการต่างๆ โดยที่หน่วยงานและกลไกในประเทศ ไม่เต็มใจ (unwilling) ที่จะแก้ไข ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบร้ายแรงถึงชีวิตได้ หากปราศจากการติดตามและตรวจสอบการคุกคามของเจ้าหน้าที่

กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย จึงขอเรียกร้องให้สหประชาชาติ

1.แสดงออกและส่งเสียงถึงรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้กระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างกว้างขวางมาโดยตลอด ให้ปฏิบัติตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ไทยมีพันธะผูกพันที่ต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดและการชุมนุมอย่างสงบ และรับรองไม่ให้มีการคุกคามเกิดขึ้นจนเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตของนักกิจกรรมฝั่งประชาธิปไตย ทุกกลุ่มเคลื่อนไหว ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเยาวชน

2.ดำเนินการเพื่อให้กลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ติดตามคดีทั้ง 2 กรณีนี้ ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 2 ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ชนะสงคราม และ สน.ดุสิต ทั้งเรื่องคดีอุบัติเหตุที่เชื่อว่าเกิดจากการคุกคามและคดีทำร้ายร่างกายเยาวชน เพื่อหาแนวทางในการปกป้องคุ้มครองให้ทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิด ความเชื่อของตนได้อย่างความปลอดภัย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

3.เรียกร้องได้รับการคุ้มครองในฐานะประชาชนในประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ

ผู้ยื่นหนังสือหวังว่าสหประชาชาติ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ และองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะตอบสนองข้อเรียกร้องดังกล่าวเพื่อเป็นการปกป้องและคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนไทยจากการคุมคาม และความรุนแรง เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างของประเทศที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธกรณีต่อไป

ขอแสดงความนับถือ
(อัญชลี อิสมันยี)
ผู้ยื่นหนังสื่อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image