09.00INDEX ประยุทธ์ บน 2 แพร่ง การเมือง พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ
หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจ “ไปต่อ” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง ไม่เพียงแต่ต่อพรรคพลังประชารัฐ ไม่เพียงแต่ต่อพรรคประชาธิปัตย์
หากแม้กระทั่ง “ภายใน” ของพรรครวมไทยสร้างชาติเดิมก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน
ผลสะเทือนต่อพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย ไม่ว่า นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ล้วนมาจากพรรคประชาธิปัตย์
เป็นไปได้ว่าไม่เพียงแต่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เท่านั้นที่พร้อมอย่างเต็มเปี่ยมจะสไลด์เข้าไป หากแม้กระทั่งส.ส.ภาคเหนือ หลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมเปลี่ยนเส้นทาง
ยิ่งกว่านั้น ผลสะเทือนโดยตรงที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้พ้นย่อมเป็นผลสะเทือนต่อพรรคพลังประชารัฐ เพราะจะนำไปสู่การขยับตัวครั้งใหญ่ในกลุ่มที่ภักดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะเดียวกัน ในเมื่อคนระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจทุกอย่างดำเนินไปเหมือนช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง
การปรับเปลี่ยนภายในพรรครวมไทยสร้างชาติย่อมเกิดขึ้น
โดยพื้นฐานแห่งการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมมิได้ไปคนเดียว หากแต่จะต้องไปพร้อมกับองค์ประกอบอันเท่ากับเป็นหลักประกันอย่างสำคัญ
กลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น กลุ่มของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ย่อมขยับตามไปอย่างแน่นอน
ในเมื่อคนเหล่านี้มิได้ไปในแบบ “มือเปล่า” ตรงกันข้าม ย่อมยกกันเป็นทีมเข้าไป การจัดสรรตำแหน่งเพื่อรองรับที่เหมาะสมเป็นคุณย่อมมีความจำเป็น
และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปดำรงอยู่เพียงในฐานะ “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี หรือว่ากระแสเร่งเร้าเรียกร้องมากยิ่งไปกว่านั้น
ที่แหลมคมยิ่งกว่านั้นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติกับพรรคพลังประชารัฐจะดำรงอยู่อย่างไร แบบไหน
การเมืองหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคจึงเป็นการเมืองแห่งการตัดสินใจ เป็นการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจัดความสัมพันธ์ใหม่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นจังหวะก้าวสำคัญจากรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 การเลือกตั้ง 2562
เป็นการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำกับบทเอง