ทำไมคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ”กกต.” จึงตกเป็น “เป้า”ใหญ่ เป้า “ยักษ์”
พลันที่มีการพูดถึง “รีเซ็ต”
คำตอบที่หลายคนนึกขึ้นได้โดยอัตโนมัติ หรือโดยปริยายก็คือ เพราะ “ผลงาน”และ”ความสำเร็จ”ของกกต.
เป็นความสำเร็จจาก “การเลือกตั้ง”
นับแต่กกต.ชุดนี้ปรากฏตัวและเข้ารับผิดชอบการเลือกตั้งเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2557
ก็บังเกิด “ความแจ่มชัด” ใน “ผลงาน”
ทาง 1 เพราะการเลือกตั้งคราวนั้นประสบการต่อต้านอย่างรุนแรงจาก “กปปส.”
จึงเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ”ชัตดาวน์”
ขณะเดียวกัน ทาง 1 เพราะกกต.เองก็ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งการไม่อยากจัดการ “การเลือกตั้ง”
จึงจำเป็นต้องศึกษา”หอเอน”แห่ง”ปีซ่า”
คำถามต่อไปก็คือ เมื่อกกต.ตกเป็น”เป้าหมาย”ทำไม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จึงตกอยู่ในสภาพ
หมู่บ้าน “กระสุนตก”
แม้ นายประวิช รัตนเพียร จะถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่อง “คุณสมบัติ”
ใหม่ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ซึ่งรับผิดชอบในการร่าง”กฎหมายลูก”
แต่แสงแห่งสปอตไลต์ก็ฉายจับไปยัง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มากกว่า
คำตอบที่ตรงเป้าก็คือ เพราะ”ความดัง”
เป็นความดังจาก “กระบวนท่า” การโปรโมทตัวเองด้วยความจัดเจนในฐานะ “นักการตลาด”
ชื่อเสียงจึงพุ่งแรงแซง”กกต.”ท่านอื่นๆ
เป็นความดังจาก “ท่วงทำนอง” หรือ “สไตล์” ที่ไม่ชอบในการตั้งรับ หากแต่รุกตะลุยอย่างแข็งกร้าวดุดัน
แม้กระทั่ง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ไม่เว้น
จากนี้จึงเห็นได้ว่า ที่ “กกต.”ตกเป็นเป้ามากกว่า ป.ป.ช. มากกว่า กสม.
1 ก็เพราะองค์ประกอบภายในของ”กกต.”
ขณะเดียวกัน 1 องค์ประกอบภายในนั้นมี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เป็นตัวเอก เป็นตัวชูโรง
โดดเด่นเหนือกว่า “กกต.” ท่านอื่น
เป็นความโดดเด่นที่ไม่ยอมรับต่อ”ปลายหอก”ที่พุ่งเข้ามาใส่ “ยอดอก” อย่างเซื่องๆ
จึงเท่ากับเป็นการสร้าง”สีสัน”ใหม่
เป็นสีสันแห่ง”อารยะขัดขืน” ที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เล่นบทหัวหมู่ทะลวงฟัน
เรียกตามสำนวนบ้านๆก็คือ “ดิ้น”
เป็นการดิ้นก่อน”รัฐธรรมนูญ”ประกาศและบังคับใช้