‘เครือข่ายราษฎร’ ปัก 3 หมุด เบรกประยุทธ์ ‘หยุด APEC’ 16-18 พ.ย.จ่อเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่ายยาวหายนะที่ไทยต้องเจอ
เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาชน ราษฎรหยุด APEC 2022 นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน และแนวร่วม แถลงข่าวการเคลื่อนไหวคัดค้าน การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีตัวแทนภาคประชาสังคมร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ ตัวแทนเครือข่าย กป.อพช.ทุกภาค, เครือข่ายสมัชชาคนจน, เครือข่ายแร่, เครือข่าย P-Move, เครือข่ายแรงงาน, เครือข่ายโขงชีมูน, เครือข่ายสลัมสี่ภาค และเครือข่ายคนรุ่นใหม่
สำหรับ ราษฎรหยุด APEC 2022 เกิดจากการรวมตัวของประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับกระทบจาก นโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
หยุดเอเปค 2022 ประยุทธ์ไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน
การทำรัฐประหารปี พ.ศ 2557 โดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลทหารและเขียนรัฐธรรมนูญ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และแช่แข็งประชาธิปไตย การฟอกขาวตัวเองด้วยกระบวนการเลือกตั้งที่พิสดาร กระบวนการยุติธรรมอันน่ากังขา เพื่อให้ตนกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง จนถึงวันนี้ ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเผด็จการและอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ผลักดันและแก้ไขกฎหมาย รวมถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า, การบังคับปิดเหมืองแร่, เขตเศรษฐกิจพิเศษ, โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, นโยบายที่ดินแห่งชาติ, การแก้ไขกฎหมายป่าไม้ที่ดิน, นโยบายคาร์บอนเครดิต, กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช จนล่าสุดคือ นโยบายที่ให้ต่างชาติสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้
ในอีกด้านหนึ่ง ประยุทธ์ก็ไม่ยอมที่จะแก้กฎหมาย ออกกฎหมาย นโยบาย หรือบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นปรปักษ์กับนายทุน เช่น กฎหมายควบคุมการผูกขาดการผลิตสุรา, กฎหมายควบคุมการผูกขาดทางการค้า และกฎหมายกำหนดการจัดสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นต้น
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 เห็นว่า สิ่งที่ประยุทธ์ทำมาตลอด เพื่อค้ำจุนอำนาจของตน ต้องการร่วมมือกับนายทุนผูกขาด เอาใจนักลงทุนต่างชาติ ละเลยเสียงของประชาชน เห็นได้จากการปราบปรามการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ การคุกคาม รังควาน การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน บิดเบือน และทำลายระบอบกระบวนการยุติธรรม จนถึงการผลักดันกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน
การที่ประยุทธ์เป็นปรปักษ์กับประชาชน คนจน และคนชายขอบเช่นนี้ ย่อมไม่มีความชอบธรรมใดๆ หลงเหลืออยู่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีประชุมระหว่างประเทศ อย่างเวที เอเปค 2022 ครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้น บนเวทีระดับนานาชาติที่ผ่านมา ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประยุทธ์ไร้ซึ่งความสามารถและความสง่างามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ รังแต่จะสร้างความอับอาย และไร้ความชอบธรรม ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงที่สุดจนอธิปไตยของประเทศไทยตกอยู่ในอันตรายด้วยความไร้น้ำยาของตน
ประยุทธ์ได้แสดงเจตจำนงต่อสาธารณะว่า ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นประธานการประชุมเอเปค ซึ่งที่จริงก็คือความต้องการของประยุทธ์ ที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากเวทีประชุมนานาชาติ เดินรอยตามเสรีนิยมใหม่ ซึ่งผลักดันนโยบายที่เรียกว่า ตัวแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งก็คือหน้าฉากที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ดูสวยหรู และเปิดโอกาสให้ได้เศรษฐกิจตามใจนายทุน ซึ่งซ่อนความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไปอย่างมหาศาล กล่าวคือ
1.นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพเป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรมพันธุกรรม ทำให้นายทุนสามานย์ เข้ามาผูกขาดตลาดเม็ดพันธุ์และการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น GMO ได้อย่างง่ายดาย
2.นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการเปิดทางให้กับการปลูกพืชพลังงาน และการทำโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการลดการปลูกพืชอาหาร เกิดปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม อันเป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวม
3.นโยบายด้านเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐสามารถผลักดันนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิต โดยอ้างวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยทุนอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการปล่อยคาร์บอน ให้ไม่ต้องถูกควบคุม แต่ผลักภาระมาที่พวกเรา ซึ่งเป็นชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ แรงงาน และคนทั่วไป รัฐไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับกลายเป็นไล่ รื้อ แย่งชิงที่ดินของชาวบ้าน พี่น้อง เพื่อเอาไปดูดซับคาร์บอนและค้าขายคาร์บอนเครดิตให้กับนายทุน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในสภาพภูมิอากาศ
นายทุนนั้น เห็นอาหาร พลังงาน ที่ดิน ป่า และสภาพภูมิอากาศ เป็นสินค้าที่จะเอาไปหากำไร แต่พวกเราเห็นว่า อาหารและอากาศ เป็นสิทธิ การผลิตอาหารคือสวัสดิการสังคม เราใช้พลังงานในชีวิตเพียงน้อยนิด และที่ดิน ผืนป่า คือฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และการผลิตของเรา
เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการในมือยังไม่เพียงพอที่ประยุทธ์จะใช้เอาใจนายทุนให้ค้ำจุนอำนาจของตน ขณะนี้ ประยุทธ์กำลังจะแอบอ้างเวทีเอเปคเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบาย ที่ใช้ควบคุม กดขี่ ขูดรีด และเป็นศัตรูกับชาวนา แรงงาน ประชาชนทั่วไป และยังเป็นเวทีที่ประยุทธ์จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำรัฐเผด็จการจากหลากหลายประเทศ ที่ใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในประเทศของตัวเอง อีกด้วย
ดังนั้น ในนามประชาชน พวกเราราษฎรหยุดเอเปค 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรชาวนา แรงงาน คนจน คนรากหญ้า และประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการและส่งเสริมประชาธิปไตย เราขอย้ำว่า เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้ประยุทธ์สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยได้อีกต่อไป พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ประยุทธ์ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบ กฎหมายใดใดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปค รับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ชนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต
2.ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อประชาชน ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
3.ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่ง ผู้นำ การบริหารประเทศ ที่สง่างาม และคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไป ในอนาคต
พวกเรา ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขอประกาศต่อสาธารณชนไทยและประชาคมโลกว่า เราจะมีการเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 คู่ขนานกับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด รวมถึง ขอประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ให้ร่วมจับตา เรียนรู้ เรียกร้อง และเคลื่อนไหว เพราะคนไทยจะไม่ได้อะไรจากเอเปคในเงื้อมมือของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา