‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ

หมายเหตุ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

สําหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผมเชื่อว่าแม้กระทั่งอริราชศัตรูที่จะมาทำร้ายเมืองไทย เมื่อเห็นพระองค์ท่านก็ยังต้องยำเกรงในพระบรมเดชานุภาพ นี่คือความเชื่อของผม เพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบติดตามพระราชกรณียกิจ ผมถูกปลูกฝังให้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯมายังวัดพระแก้ว ช่วงนั้นเรารู้ว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต ผมยังเด็กอยู่ ยายพาผมไปรอรับเสด็จ ยายผมเป็นคนจีน ผมอยากให้ลองนึกภาพคนจีนที่พูดไทยไม่เป็นสักคำ แต่ยายพาผมไปรับเสด็จเสมอ ครั้งนั้นผมได้นำพวงมาลัยไปรอรับเสด็จและมีโอกาสทูลเกล้าฯถวายพวงมาลัย พระองค์ท่านทรงรับและแย้มพระสรวล นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ยายเทิดทูนพระองค์ท่านมาก ยกมือไหว้ไม่หยุด อยากให้คนไทยเห็นว่าขนาดคนจีน ไม่ได้เกิดบนแผ่นดินไทย พูดไทยไม่ได้ แต่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทย เห็นในหลวงเป็นดั่งเทพเจ้า สมัยก่อนเมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯไปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยายได้พาผมนั่งสามล้อไปเฝ้ารับเสด็จ ในสมัยนั้นบ้านผมอยู่ที่สาธุประดิษฐ์ เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯมายังวัดจีนโพธิ์แมน ยายพาผมไปรออยู่แถวหน้าเพื่อเห็นรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯผ่าน แล้วยายก็จะบอกเป็นภาษาจีนกับเราว่านี่ในหลวง เมื่อนึกถึงในหลวงภาพพระองค์ท่านก็จะเข้ามาในมโนสำนึกทันที พระองค์ประทับอยู่ในดวงใจพวกเราเสมอมา

เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผมได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทหลายครั้ง แต่เป็นเรื่องงานพระราชพิธีต่างๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นพระพักตร์พระองค์ จะรู้สึกเหมือนเด็กได้เห็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่เราอยากจะมองตลอด ไม่สามารถที่จะละสายตาไปทางอื่น มองให้นานที่สุด ทุกๆ ครั้งที่ได้รับเสด็จทำให้รู้สึกว่าเรามีบุญวาสนา

Advertisement

และที่พิเศษสุดได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อครั้งที่มีโอกาสได้ตามเสด็จ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระองค์ท่านทรงเป็นประธานโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ในปี 2549 ในขณะนั้นโครงการคืบหน้าไปมาก แล้วผมเองในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการสนับสนุนโครงการนี้ พระองค์ท่านได้นำผมและคณะผู้เกี่ยวข้องไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่วังไกลกังวล

รู้สึกว่าวันนั้นได้เข้าเฝ้าฯประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งพระองค์ประทับพระเก้าอี้ แล้วพวกผมนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นรอบๆ พระองค์ท่าน ถือว่าเป็นที่สุดที่ได้ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินถึง 6 ชั่วโมง พระองค์ได้ไต่ถามถึงความคืบหน้าต่างๆ ของโครงการ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเป็น 6 ชั่วโมงที่ได้แต่มองพระองค์ จนแทบไม่ได้ฟัง ผมรู้สึกปลื้มปิติ แล้วพระองค์ท่านทรงเล่าถึงสมัยที่ทรงงาน ต้องทรงงานอย่างไร เจอปัญหาอย่างไร แก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งพวกเราฟังแล้วรู้สึกว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าแผ่นดินต้องทำงานมากขนาดนี้ นั่นเป็นช่วงที่ได้เข้าเฝ้าฯใกล้ชิดที่สุด ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่เห็นพระองค์ท่านแล้วรู้สึกตื้นตัน พูดไม่ออก

การเข้าเฝ้าฯเป็น 6 ชั่วโมงที่เอาเป็นว่าถ้าพระองค์ท่านไม่ประทับอยู่ ไม่มีทางที่คนอย่างผมจะนั่งกับพื้นในท่าพับเพียบได้ 6 ชั่วโมงแบบสำรวม และเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่มีโอกาสได้กราบบังคมทูลสั้นๆ กับพระองค์ เมื่อพระองค์ผินพระพักตร์ ตอนจะเลิก แล้วทรงรับสั่งกับผมว่ากี่โมงแล้ว ผมตอบไปว่า ตี 2 พะยะค่ะ ทรงตรัสว่า เลิกได้แล้ว นั่นคือครั้งเดียวที่พระองค์ตรัสโดยตรงกับผม ถือเป็นบุญวาสนา กลับมาด้วยความที่รู้สึกภาคภูมิใจ

อนุทิน01

สมัยเป็นรัฐมนตรี ผ่านงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 2-3 ครั้ง ที่พระองค์ท่านเสด็จออกมหาสมาคม พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พวกเรามีโอกาสได้เข้าไป เมื่อพระวิสูตรเปิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประทับอยู่บนพระราชอาสน์ เป็นภาพที่ทำให้เรารู้สึกว่าประเทศไทยมีผู้คุ้มครอง ทุกครั้งที่ผมเห็นพระองค์ท่าน เมื่อโค้งคำนับเสร็จ มือผมจะยกขึ้นมาไหว้ท่วมหัว แม้ผมจะใส่ชุดเต็มยศใส่สายสะพาย ผมไม่สามารถที่จะยืนเฉยได้ คิดว่าแค่โค้งคงไม่เพียงพอ ผมไหว้ยิ่งกว่าไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจบพิธีการ ก่อนที่พระวิสูตรจะปิด ผมก็ยกมือไหว้แล้วเอามือลูบศีรษะ ขอให้พระบารมีพระองค์ท่านคุ้มครองเรา ทำให้เรามีความมั่นใจว่าเราจะปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวัยเด็กที่เฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่วัดพระแก้ว

สิ่งที่พระองค์ท่านทำให้กับบ้านเมือง ทุกๆ เรื่องเกิดผลที่เป็นประโยชน์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมมีโอกาสเดินทางโดยเครื่องบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่ผมบินผ่านจังหวัดตาก เมื่อบินผ่านเขื่อนภูมิพล แค่นึกชื่อเขื่อนผมก็น้ำตาไหล พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาไหว้

พระองค์ท่านไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ข้าราชการ พระองค์ไม่ต้องทรงงานหนักเช่นนี้ ไม่ต้องลำบากเพื่อประชาชน พระองค์สามารถที่จะทรงอยู่เฉยๆ ได้ แต่การที่พระองค์ท่านยิ่งปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ยิ่งทำให้เห็นว่าในพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านมีแต่คำว่าประเทศไทย เพราะพระองค์ท่านไม่ได้ทำเพื่อพระองค์เอง แต่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพวกเราทุกคน การที่เราได้พูดถึงพระองค์ท่านกับใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติ หรือพูดกันเองว่าเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัว เป็นความภาคภูมิใจ เราสามารถพูดได้ว่านี่คือคนที่เรารักและเทิดทูนมากที่สุดในชีวิต

สำหรับพระอัจฉริยภาพ พระองค์ท่านมีความสามารถในหลายด้าน ทุกๆ เรื่องสามารถนำมาเป็นหลักที่ใช้ปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านดนตรี ผมเล่นดนตรีเป็น บทเพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ ไม่ว่าจะทำนอง แจ๊ส บลูส์ โน้ตแต่ละโน้ตในเพลง พระราชนิพนธ์ได้อย่างงดงาม ไพเราะ มีจังหวะ มีความต่อเนื่องของเพลง มีสำเนียงของเพลงที่ดี ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เพลงพระราชนิพนธ์ เราฟังตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ ยกตัวอย่างเพลงแสงเดือน มีช่วงที่ใส่เนื้อเพลงว่า ชมแล้ว ชมเล่า เฝ้าชะแง้แลดู สะท้อนถึงถ้าเราเป็นคนฟัง ต้องอินกับเพลง ก็เหมือนขณะที่พระองค์ท่านเสด็จฯ เราจะไม่สามารถละสายตาได้เลย เพราะมีแต่ความปลื้มปีติ ปลื้มใจ ได้แต่เฝ้ามองพระองค์ท่านจนลับสายตา

เมื่อพระองค์ท่านประชวรหนัก ผมได้ติดตามข่าวพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จากแถลงการณ์สำนักพระราชวังมาโดยตลอด มีความกังวลมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับข่าวที่เศร้าใจที่สุดเร็วแบบนี้ ในวันที่ 13 ตุลาคม ขณะนั้นผมกำลังนั่งประชุม แล้วก็เริ่มมีกระแสข่าวตามสื่อโซเชียล แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่ข่าวโคมลอย ยังโกหกตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ลึกๆ รู้สึกมืดมิด จนต้องตั้งสติ

ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่ได้คิดถึงตัวเอง แต่นึกถึงคนไทยทุกคนว่าจะรู้สึกอย่างไร มันคือความเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่ ที่คนไทยทุกคนหัวใจสลาย ทำไมต้องมีวันนี้

สิ่งที่จะทำถวายพระองค์ท่าน ก็คือการสานต่อพระราชกรณียกิจมาทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และประชาชนผมพูดได้เต็มปากว่า บ้านเมืองเราผ่านเรื่องร้ายแรงต่างๆ มามากมาย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากไม่มีพระองค์ท่านมาช่วยประชาชน บ้านเมืองเราไม่มีอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

นอกจากนี้สิ่งที่จะตั้งใจคือ เทิดทูนราชวงศ์จักรี เทิดทูนองค์พระประมุขรัชกาลใหม่ เสมือนกับที่เราเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผมมองว่าพระองค์ท่านเป็นเจ้าชีวิต สิ่งไหนที่เป็นแนวพระราชดำริจากพระองค์ท่านก็มีความสำคัญกับเรา ยิ่งเราเทิดทูนขนาดไหน เราก็ต้องเทิดทูนองค์รัชทายาทเท่ากัน เพื่อที่เราจะได้บอกตัวเองตลอดว่า พระเจ้าอยู่หัวยังอยู่กับเราตลอด

เราต้องจงรักภักดีต่อองค์พระประมุข เรามีวันนี้ได้เพราะมีพระประมุข และถึงแม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะทรงปกป้องคนไทยทั้งประเทศให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป เราจะต้องมีหน้าที่ทำให้พระมหากษัตริย์ไม่ต้องวิตกกังวลพระราชหฤทัย เพราะพระองค์จะทรงนำปวงชนชาวไทยไปสู่สุขสวัสดี

สำหรับพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ รัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านเป็นหน่อเนื้อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดลุยเดช ต้นน้ำประเสริฐอย่างไร ปลายน้ำก็ประเสริฐทุกประการ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวัยเด็กที่เฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่วัดพระแก้ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวัยเด็กที่เฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่วัดพระแก้ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image