‘ปลัดมท.’ คิกออฟ เปิดงานวันดินโลกปี 65 วัดป่าศรีแสงธรรม ชูแนวคิด ‘อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน’

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) ร่วมเดินรณรงค์และเป็นประธานเปิดงานวันดินโลก ปี 2565 (World Soil Day 2022) ภายใต้แนวคิด “อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน (Soils, where food begins)” โดยได้รับเมตตาจาก พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมงาน โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รศ.วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายวิรุจ วิชัยบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายอำเภอ คณะทำงาน Change for Good กระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนจิตอาสา และภาคีเครือข่ายทั้ง 25 อำเภอรวมกว่า 500 คน ร่วมกิจกรรม

 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราชาวไทยทั้งประเทศ นำโดยพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นดินแดนที่เราจะเห็นอรุณรุ่งแห่งแสงตะวันที่สวยงามและอบอุ่นเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ได้ช่วยกันในการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงประกาศเป็นปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ด้วยทรงมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อทรงช่วยทำให้แผ่นดินไทย เป็น “แผ่นดินทอง” อันเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่พี่น้องประชาชนอยู่ด้วยความสุข ความรัก ความสามัคคี ความมีน้ำจิตน้ำใจซึ่งกันและกัน ให้สมกับเป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิที่มีคณะสงฆ์ผู้เป็นพุทธทายาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักชัย

Advertisement

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัสองค์ที่ 2 เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 อันเป็นการตอกย้ำพระราชปณิธานที่แน่วแน่ของพระองค์ท่านในการที่จะทรงทำนุบำรุงให้สังคมประเทศชาติของเรามีความผาสุก ความว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” อันเป็นพระราชปณิธานที่สอดรับกับสิ่งที่พวกเราได้มาทำร่วมกันในวันนี้ อันเป็นเดือนแห่งวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม” พระบรมชนกนาถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทาน “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และโครงการพระราชดำริที่ฟื้นฟูดิน น้ำ ลมไฟ เพื่อยังประโยชน์ให้เกิดความสุขกับพวกเรา จำนวนมากกว่า 4,000 โครงการ จนกระทั่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ได้กำหนดให้วันพระบรมราชสมภพของพระองค์ท่าน คือ วันที่ 5 ธันวาคม เป็น “วันดินโลก” อันเป็นวันสำคัญของโลก เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเผยแผ่องค์ความรู้ และแนวทางในการให้พวกเราทุกคนและคนทั่วทั้งโลกได้ให้ความสำคัญกับ “ดิน” ว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เพราะดินคือแหล่งผลิตอาหาร เป็นที่มาของรากฐานระบบนิเวศที่เอื้อเฟื้อ ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ และทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำมีชีวิตเป็นปกติ และเป็นความโชคดีของคนไทยทุกคน ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพยายามเชิญชวนรณรงค์ให้พวกเราได้ใช้สีธรรมชาติแทนสีเคมีในการย้อมผ้า โดยทรงอรรถาธิบายไว้ว่า ถ้าใช้สีเคมีย้อมผ้า แล้วเทสีเคมีหรือน้ำย้อมผ้าสีเคมีลงไปในแม่น้ำลำคลอง แม่น้ำลำคลองก็จะเน่าเสีย สิ่งมีชีวิตในน้ำก็รอดยาก หรือถ้ารอดแล้วมาเป็นอาหารให้กับคนก็จะมีสารพิษตกค้างในร่างกายคน หรือถ้าพวกเราฉีดยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง แล้วนำถังที่ใส่ยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลงนั้นไปล้างในลำห้วย ลำหนอง คลอง บึง สารพิษสารเคมีเหล่านั้นก็จะทำลายระบบนิเวศในน้ำ”นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้เป็นวันที่พวกเราทุกคนต้องดีใจและภาคภูมิใจ ที่ “คนอุบลราชธานี” จะเป็นต้นแบบให้คนอีก 75 จังหวัดทั่วประเทศ ได้ช่วยกันศึกษา เรียนรู้ และดำเนินกิจกรรมตามคนอุบลราชธานี ด้วยจิตใจอันดีงามซึ่งแสดงออกด้วยความจงรักภักดี ความรักเทิดทูน ความกตัญญูกตเวทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มาแปลงเป็นการปฏิบัติบูชา โดยพี่น้องทุกคน ทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านอำเภอ และท่านนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครูบาอาจารย์ คณะสงฆ์ทั้งของจังหวัดอุบลราชธานีและทั่วประเทศ ทั้งนี้ แม้ว่าผลลัพธ์ของการดำเนินการจะช่วยกันทำนุบำรุงให้แผ่นดินของพวกเรามีความอุดมสมบูรณ์ มีสภาพที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิต ทั้งจุลินทรีย์ ฮิวมัส ไส้เดือน กิ้งกือ แมลงต่าง ๆ และผลหมากรากไม้ ต้นพืช ต้นไม้ใหญ่โตจนถึงต้นหญ้าได้เจริญงอกงามและเราทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ในท้ายที่สุดจะส่งผลมาทำให้โลกของเราซึ่งกำลังประสบปัญหาภาวะโลกร้อน (Climate Change) ได้รับการเยียวยา ทำให้โลกใบนี้สวยงาม พืชผักธัญญาหารจะเพิ่มพูนเพิ่มมากขึ้น แต่เป้าหมายสูงสุด คือ “การพัฒนาคน” สมกับเจตนารมณ์ของ FAO ทั้งตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2565 จะเชิญชวนให้คนทั้งโลกช่วยกัน กลับมาดูแลปรนนิบัติแก้ไขในสิ่งผิดกับพื้นดิน เพื่อให้ผืนดินนั้นกลับกลายมาเป็นสิ่งที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติและสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ผืนดินเป็นแหล่งกำเนิดเกิดอาหารที่ปลอดภัย ดังแนวคิดของวันดินโลกที่ว่า Soils, where food begins อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน

Advertisement

 

“นอกจากนี้ FAO ยังได้สรุปไว้ว่าความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ความเจริญของมนุษยชาติ ตลอดระยะ 70 ปีที่ผ่านมาได้ทำลายความอุดมสมบูรณ์ ทำลายสิ่งที่เรียกว่า “ความสมดุลของธรรมชาติ” เช่น ไปใช้ปุ๋ยเคมีทำให้ดินแข็งโป๊ก ปลูกมันทำสวนก็ใช้ยาฆ่าแมลง ใช้ยาฆ่าหญ้าฉีดลงไป จนสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์กับพื้นดินพลอยตายไปด้วยกลายเป็นผืนดินที่ผิวหน้าเป็นฝุ่น เมื่อแสงแดดส่องมาก็จะกลายเป็นฝุ่นซ้ำเติมให้เกิด PM 2.5 และยังมีการจุดไฟเผาป่าเกิดผลกระทบตามมาเป็นโทษมหาศาลคือความแห้งแล้ง มลภาวะทางอากาศที่เป็นพิษ ชีวิตก็ไม่มีความสุข แต่เพราะคนอุบลราชธานีเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นบัวพ้นน้ำ ได้ช่วยกันทำให้เป้าหมายสำคัญ คือ ทำให้คนในสังคม คนในประเทศ ได้รู้ว่า ใช้ชีวิตที่ผ่านมามันผิด ถึงเวลาที่ต้องมาช่วยกันแก้ไขในสิ่งผิด โดยเมื่อคนได้รับรู้รับทราบสิ่งที่ทุกคนได้ช่วยกันในวันดินโลก ด้วยการทำให้คนน้อมนำทฤษฎีใหม่มาประยุกต์สู่โคก หนอง นา ใช้การรู้จักปรนนิบัติดูแลแม่พระธรณี หรือ “เลี้ยงดิน” เพื่อให้ดินเลี้ยงพืช และพืชมาเลี้ยงเรา วันนี้สำเร็จแล้วครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่ง เมื่อพี่น้องคนไทยทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอรู้แล้ว ก็จะต้องช่วยกัน ไม่ใช่รู้ยากมากนาน แต่ต้อง “รู้แล้วลงมือทำทันที” ก็จะสำเร็จ 100% ส่งผลให้เกิดผลผลิตที่ดี (Better Production) ทำให้มีโภชนาการที่ดีขึ้น (Better Nutrition) และพื้นดินจะมีความร่มเย็นชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ กลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (Better Environment) และทั้ง 3 ดี ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเราดี (Better Life) เพื่อให้พวกเราทุกคนและพี่น้องประชาชนมีความสุข เมื่อพี่น้องประชาชนมีความสุข ประเทศชาติก็จะมั่นคงได้ด้วยน้ำมือเรา”นายสุทธิพงษ์ กล่าว

 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้ช่วยกัน Kick Off เนื่องในงานวันดินโลกของกระทรวงมหาดไทย “อันเป็นวันของพี่น้องประชาชนทุกคน” ที่มีประจักษ์พยานและความรับผิดชอบที่ชัดเจนหนักแน่นของผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยทั้งส่วนกลาง ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยที่ออกมารับใช้พี่น้องประชาชน ในจังหวัด ในอำเภอ ในตำบล ในหมู่บ้าน อันมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำในจังหวัด ท่านนายอำเภอเป็นผู้นำที่อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้นำที่ตำบล/หมู่บ้าน นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้นำในท้องถิ่น ได้ผนึกกำลังกับ 7 ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เดินไปเคียงคู่กับพี่น้องประชาชน ช่วยกัน Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้กับแผ่นดินที่เคยย่อยยับอับปรางค์ เพราะพวกเราไปเบียดเบียนรังแกเพราะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ให้กลายเป็น “แผ่นดินทองที่มีความอุดมสมบูรณ์ และทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีไปด้วย” เพื่อให้ด้วยห้วงเวลา 15 วันที่พวกเราลุกขึ้นมาช่วยกันรณรงค์ปลุกกระแส “ทำดีเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” สร้างความสุขให้กับมวลมนุษยชาติ และสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

“ขอให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจให้กันและกัน ในการร่วมไม้ ร่วมมือ ทำให้แผ่นดินของเราเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ สมกับเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก 5 ธันวาคม 2565 ให้แผ่นดินนี้เป็นแหล่งก่อกำเนิดของอาหารเพื่อมวลมนุษยชาติ หรือ Soils, where food begins อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดินอย่างต่อเนื่องตลอดไป ด้วยการน้อมนำเอาแนวทางพระราชดำริตามพระบรมราชโองการ ที่จะช่วยกันสร้างประเทศชาติให้มั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต พลิกฟื้นแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินทองอีกครั้งหนึ่ง ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อรักษาคุณภาพทางชีวภาพและเป็นแหล่งกำเนิดอาหารที่สมบูรณ์เพื่อหล่อเลี้ยงคนไทยและคนทั้งโลก “ดินดี อาหารดี สุขภาพดี ชีวีมีสุข” อย่างยั่งยืนสืบไป”นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

จากนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำผู้ร่วมงานประกาศเจตนารมณ์ ความว่า
“ข้าพเจ้า จะสืบสานศาสตร์พระราชา เพื่อพัฒนาดินอย่างยั่งยืน
ข้าพเจ้า จะรักษาความอุดมสมบูรณ์แห่งดิน เพื่อเป็นแหล่งสร้างอาหารที่มีคุณภาพ
ข้าพเจ้า จะต่อยอด ขยายผล ขับเคลื่อนเครือข่ายพลังแผ่นดิน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”

พร้อมทั้งร่วมปลูกผักหวานป่าบนโพนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเหลือใช้ในพื้นที่ เช่น ผักตบชวา กิ่งไม้ และเศษวัสดุในแนว Permaculture ร่วมกับผู้ร่วมงาน และเยี่ยมชมนวัตกรรมปลูกผักใต้แผงโซล่าเซลล์ อันเป็นเจตนาร่วมกันในการทำให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่ทุกคนจะช่วยกันทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับแผ่นดิน คือ “การสร้างความอุดมสมบูรณ์ทำให้ดินเป็นแหล่งก่อกำเนิดเกิดอาหาร” อย่างยั่งยืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image