‘ครูแก้ว’ ยกมือไหว้ขอโทษกลางสภา รับปราศรัยเพลินพลั้งปาก ‘โง่’ หลัง ส.ส.สกลฯ เพื่อไทยโวย

‘ครูแก้ว’ ยกมือไหว้ขอโทษกลางสภา รับปราศรัยเพลินเผลอพลั้งปาก ‘โง่’ อ้างพูดในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ไม่ใช่รอง ปธ.สภา หลัง ส.ส.สกลฯ เพื่อไทยโวย ทำสภาเสื่อมเสีย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือความเดือดร้อนของประชาชน แต่ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 และเป็นเหตุให้สภาล่มต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง เนื่องจาก ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่ให้โหวตลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ จึงประท้วงด้วยการไม่อยู่เป็นองค์ประชุม นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอขอให้เลื่อนระเบียบวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ขึ้นมาพิจารณาต่อจากร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ทำให้ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นหารือว่า ถ้าจะขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยการนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เลื่อนขึ้นมาพิจารณา ก็อยากเสนอเพิ่มเติมคือ ให้นำ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม และร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต มาพิจารณาต่อ ซึ่งคาดว่าจะได้พิจารณาในสัปดาห์ถัดไป โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) แจ้งว่า จากการหารือเบื้องต้น เราไม่ขัดข้อง แต่ขอให้องค์ประชุมมีความพร้อมเพรียงในการพิจารณากฎหมายร่วมกัน

จากนั้นนายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ขอหารือว่า เมื่อ 3-4 วันที่แล้ว มีข่าวที่ทำให้สภาฯแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ แต่มีรองประธานสภาบางท่าน ไปทำความเสื่อมเสียทำให้เกียรติภูมิของสภาเสื่อมเสีย ในการที่มีรองประธานสภา ที่อีกหนึ่งตำแหน่งเป็น ส.ส.ด้วย ให้สรรพนามกับสมาชิกว่าเป็นคนโง่ คำว่าโง่ บัญญัติในพจนานุกรม ก็คือโง่ และเพิ่มเขลา เข้าไปอีก ซึ่งแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ตนอยากชี้ให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น สภาจะทำอย่างไร เพื่อรักษาเกียรติภูมิของสภาไว้

Advertisement

ทั้งนี้ นายชวนได้แจ้งว่า ตนก็ทราบเรื่องจากข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์​ ซึ่งเป็นเรื่องภายนอกห้องประชุมสภา ความจริงก็ไม่ได้เป็นครั้งแรก ครั้งก่อนๆ ก็มีที่มีคนไปพูดในลักษณะลดความสำคัญของพรรคอื่น คนอื่น แต่ถ้าเป็นกรณีที่อยู่ในสภานี้ ก็เป็นหน้าที่สภาจะต้องถกกัน ถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องจัดการไปตามภาระของแต่ละฝ่าย คือว่าไปตามสิทธิของแต่ละฝ่าย ถ้าเรานำเรื่องภายนอกเข้ามาใช้เวลาของสภา ตนคิดว่าจะสูญเสียเวลา และไม่ถูกแนวทางที่ควรจะปฏิบัติ แต่โดยที่บุคคลที่พูดถึงแม้ไม่เอ่ยชื่อ แต่หมายถึงนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา คนที่ 2 ซึ่งมีฐานะที่เป็นรองประธาน ทำให้ท่านมีภาระหนักกว่า ส.ส.ธรรมดา การประพฤติปฏิบัติก็ต้องอยู่ในกรอบที่ระเบียบกำหนดเอาไว้ ตนจึงอนุญาตให้นายพัฒนาได้พูด เพราะทราบว่านายศุภชัยก็บอกตนว่าอยากจะขอหารือ ตนก็ถามว่าจะหารือเรื่องอไร ท่านบอกว่าอยากขอหารือเพื่อที่จะขออภัย ขอโทษสมาชิก ซึ่งตนบอกว่าเป็นเรื่องภายนอก ถ้าท่านจะทำอย่างนั้นก็ทำได้ แต่ตนเห็นว่าไม่ควรเอาข้อเท็จจริงมาวิจารณ์ในนี้ เพราะจะไม่จบสิ้น ทุกฝ่ายก็มีข้อเท็จจริงของตัวเอง ก็ทำงานกันไม่ได้

แต่นายพัฒนาขอพูดสั้นๆ ว่าเรื่องนี้ทำให้เสียหายค่อนข้างเยอะ ซึ่งจริงๆ แล้วตนไม่ได้โกรธนายศุภชัยเป็นการส่วนตัว แต่ในระบบการที่มีสมาชิกใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปพูดเช่นนี้ทำให้เกียรติภูมิของสภาเสื่อมเสีย กรณีนี้ถ้าเป็น ส.ส.ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นประธานนั่งอยู่บนบัลลังก์วันนี้ถ้าใครไปด่าคนอื่นเสร็จแล้วก็มาขอถอนคำพูดและมาขอโทษในสภา แล้วจบ ไม่อย่างนั้นสภาแห่งนี้ก็คงต้องด่ากันทุกวัน

Advertisement

“เมื่อเช้ารองประธานโทรหาผมแล้ว บอกว่าเป็นพี่น้องกันยอมรับผิด ซึ่งส่วนตัวผมให้อภัย แต่ในคดีความอาญามาตรา 393 ผมไม่ขอดำเนินการอยู่แล้ว ในฐานะพี่น้อง และเป็นคนไทย เป็น ส.ส.ด้วยกัน” นายพัฒนากล่าว

นายชวนจึงชี้แจงว่า ถ้าอะไรที่ผิดจริยธรรมก็สามารถร้องได้ หรือผิดกฎหมายหมิ่นประมาทก็ดำเนินการได้ แต่ในสภานี้ให้โอกาสเท่าที่เห็นว่าเหมาะสม

ด้านนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า 2 วันมานี้ ชาวบ้านโทรศัพท์มาถามว่าศักดิ์ศรีของคนสกลนครมีแค่นี้หรือ คนขนาดรองประธานสภาบอกว่าโง่ มันเสียเปรียบ และนี่คือความเสียหายของคนสกลนคร ตนเป็น ส.ส.แล้วนิ่งเฉยโดยไม่มาพูด ไม่ประกาศให้ชาวโลกรับรู้ก็เหมือนกับคนเมืองตรัง ก็ต้องพูดสักหน่อย เพราะบ้านตนไม่ใช่คนโง่อย่างที่หลายคนเข้าใจ

ทำให้นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ประท้วงว่า การประชุมสภาต้องอยู่ในวาระประชุมและเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เอาเรื่องที่ไหนมาพูดในสภา ถ้าอย่างนั้นลูกเมีย เป็นอะไรก็เอามาพูดในสภา

ต่อมานายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา คนที่ 2 ชี้แจงว่า ตนยอมรับว่าในวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง เปิดตัวผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยที่ จ.นครพนม และตนก็เป็นคนขึ้นปราศรัยหาเสียงแต่ปรากฏว่าในขณะที่ปราศรัยอยู่นั้น ตนต้องยอมรับตรงๆ ว่าอาจจะเพลินไปหน่อย ท่ามกลางบรรยากาศที่พี่น้องมากมาย ก็คงจะยืนยันกับประธานและสมาชิก ว่าคำพูดที่สมาชิกทั้งสองท่านพูดนั้นตนรับในสภาว่าตนได้พูดจริง แต่ตนไม่ได้หมายถึงว่าเป็นการพูดกล่าวหาพี่น้องสกลนครโง่ อยากจะให้ทั้งสองท่านไปเปิดคลิปดูใหม่ได้

“ผมยันยันว่าในวันนั้นผมปราศรัยกับพี่น้องประชาชนในฐานะที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ไปปราศรัยในฐานะที่เป็น ส.ส.หรือรองประธานสภา แต่ในเมื่อตัวผมได้พูดไปแล้ว พลาดพลั้งไปแล้ว หรือผิดไปแล้ว ผมยอมรับกับประธาน ฝากไปถึงสมาชิกทั้งสองท่านและทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้องด้วยว่าผมกราบขออภัยในสิ่งที่ผมพูดขึ้นมา และกราบขอโทษเพื่อนๆ” นายศุภชัยกล่าว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ

จากนั้นนายศุภชัยได้เดินออกจากโพเดียมไปที่กลุ่ม ส.ส.พรรค พท. และไหว้ขอโทษอีกครั้ง ซึ่งนายพัฒนาได้ไหว้กลับ

อ่าน : ‘สหายแสง’ งานเข้าอีก ‘6 ส.ส.พท.’ จ่อยื่นจริยธรรม ปราศรัยด่าไอ้โง่ ดูถูกคนสกลนคร

 

อ่านข่าวอื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image