5 ทีมเยาวชน จาก 5 มหาวิทยาลัย มอ.ปัตตานี ราชภัฏยะลา มหาสารคาม มศว. มธ. คว้ารางวัล TikTok เยาวชนการเมืองข่าวปลอม
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดกิจกรรมประกวดการผลิตสื่อ TikTok รู้เท่าทันข่าวปลอมทางการเมืองในสื่อสังคมออนไลน์ ภายใต้โครงการ ‘การเมืองเยาวชนร่วมสมัยกับการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม’ โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าว ได้รับความสนใจอย่างมากโดยมี 18 ทีมเยาวชนจากมหาวิทยาลัย 13 แห่ง ส่งเข้าประกวด ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวเปิดงานว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติเห็นถึงบทบาทสำคัญของสื่อในการช่วยขับเคลื่อนองค์ความรู้ใหม่ ๆ ไปสู่สังคม เพื่อนำส่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของภาคประชาชน ดังนั้น กิจกรรมการผลิตสื่อ TikTok รู้เท่าทันข่าวปลอมทางการเมืองในสื่อสังคมออนไลน์ ภายใต้โครงการ การเมืองเยาวชนร่วมสมัยกับการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม กับความร่วมมือของสถาบันวิชาการเครือข่ายมหาวิทยาลัย และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จึงเป็นผลผลิตที่เป็นรูปธรรมที่นำเสนอไปสู่สังคม และสามารถสร้างผลกระทบต่อสังคมในระยะยาวสืบไป นอกจากนี้ ผลผลิตจากโครงการนี้คือ การสร้างกลไกแนวร่วมเยาวชนร่วมสมัยกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อนำไปสู่สังคมที่ยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิพล เอื้อจรัสพันธุ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารท่าพระจันทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวว่า พันธกิจของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นอกจากจะเป็นสถาบันการศึกษาที่บ่มเพาะวิชาความรู้ให้แก่เยาวชนแล้ว อีกหนึ่งพันธกิจที่สำคัญคือการทำประโยชน์ให้แก่สังคมในบทบาทที่วิชาการที่เอื้อประโยชน์ได้ ดังนั้นโครงการการเมืองเยาวชนร่วมสมัยกับการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมือง นอกจากจะได้องค์ความรู้จากกิจกรรมสร้างแนวร่วมเยาวชนร่วมสมัยการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม นำไปสู่การสร้างกลไกแนวร่วมเยาวชนร่วมสมัยกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง และที่สำคัญสร้างเครือข่ายเยาวชนร่วมสมัยกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม ขณะเดียวกัน งานจะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้ ถ้าฝ่ายวิชาชีพที่มีความชำนาญการทางด้านสื่อไม่ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมครั้งนี้
รองศาสตราจารย์ ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนของชาวไทยพีบีเอสทุกคนเพื่อย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ยังสัญญาว่า เราจะเป็นองค์กรสื่อสาธารณะเพื่อประชาชนทุกคน
“สิ่งที่เราชูเป็นจุดยืนของสื่อสาธารณะเสมอคือคำว่า Impartial News ไม่ว่าใครจะโจมตีเราอย่างไร แต่ดิฉันเชื่อว่า พวกเราสื่อสาธารณะยังยืนหยัดอยู่บนคำว่า Impartial News ซึ่งหมายความว่า สื่อที่ไม่มีวาระแอบแฝง ซึ่งการจะบอกว่าเราเป็นสื่อที่ไม่มีวาระแอบแฝงได้ ต้องผ่านการถูกโจมตี ถูกปฏิบัติการข่าวสาร และอื่น ๆ อีกมากมาย ขณะเดียวกันเราก็อาจจะมีจุดอ่อนและจุดพลาดในบางเรื่อง ซึ่งเราก็เรียนรู้และทบทวนตัวเองแต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันคิดว่าการยืนหยัดอยู่บนคำว่า Impartial News ซึ่งประกอบด้วยคำว่า Fairness คือการรายงานข่าวที่เป็นธรรม การรายงานข่าวที่ Accurate หรือถูกต้อง และที่สำคัญคือการรายงานข่าวที่ไม่มีอคติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มทุน กลุ่มรัฐ เพราะฉะนั้นดิฉันจึงอยากยืนยันว่า Impartial News ยังเป็นหัวใจสำคัญของสื่อสาธารณะ และยังเป็นสิ่งที่ทุกคนวางใจเราได้ดิฉันจึงอยากโยนมาที่งานที่น้อง ๆ กำลังจะนำเสนอกันในวันนี้
การทำหน้าที่เป็นพลังพลเมืองเพื่อเป็น Fact Checker ลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ข่าวลวง ข่าวบิดเบือนเท่านั้น ดิฉันคิดว่าในปรากฏการณ์ที่ใกล้การเลือกตั้งเข้ามาทุกที ทำให้มีการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารมากขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไร และเราจะลุกขึ้นมาเป็นพลังให้สังคมได้อย่างไร ดิฉันเชื่อว่า องค์กรสื่อจับมือกับภาควิชาการ ภาควิจัย และกำลังสำคัญอย่างพลังเยาวชน จะทำให้การทำหน้าที่เป็น Fact Checker ให้สังคมมีความสำคัญยิ่งขึ้น”
รองศาสตราจารย์ ดร.วิลาสินี กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้โจทย์ใหญ่โจทย์เดียวของสื่อสาธารณะทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น NBC, NHK, CBC และอื่น ๆ คือ เราจะปรับตัวให้สื่อสาธารณะเป็นสื่อของเยาวชนได้อย่างไร เพราะถ้าเรายังเป็นสื่อของคนรุ่นเดิม อีกหน่อยสื่อสาธารณะก็พร้อมปิดตัวเอง การจะเป็นสื่อของเยาวชน เราคงต้องหาคำตอบเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการปรับตัวเองในฐานะ Media ในช่องทางสื่อที่เยาวชนใช้งาน เช่น TikTok ที่น้อง ๆ กำลังทำอยู่ หรือเรื่องของ Content ซึ่งเราเชื่อว่า เยาวชนไม่ได้อยากเสพแค่คอนเทนต์เบา ๆ สนุก ๆ เยาวชนอาจจะอยากเสพคอนเทนต์ที่ลึก หนัก แต่ไม่เยอะ สุดท้ายสิ่งที่คิดว่าสำคัญที่สุดคือ Engagement เราจะเข้าใจเยาวชนและ Engage ซึ่งกันและกันได้อย่างไร นี่เป็นโจทย์ที่สื่อสาธารณะทั่วโลกกำลังหาคำตอบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิไลวรรณ จงวิไลเกษม หัวหน้าโครงการการเมืองเยาวชนร่วมสมัยกับการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม กล่าวว่า ทีมบูมีตานี จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ประเด็น สำนึกท้องถิ่น-อัตลักษณ์: ซอฟท์พาวเวอร์หรือภัยความมั่นคง? ได้รางวัล Exclusive Content ข้อมูลเชิงลึกหรือมีประโยชน์ โดยนำเสนอคลิปที่มีข้อมูลเชิงลึก เป็นประโยชน์ หรือมีความแปลกใหม่ที่ผ่านการรวบรวม ค้นคว้า และนำมาเรียบเรียงใหม่จนกลายเป็นผลงานที่มีประโยชน์ต่อผู้ชม
@youthvsfakenews รางวัล Exclusive Content ทีมบูมีตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี – EP.1 #เยาวชนการเมืองข่าวปลอม #เยาวชนการเมืองกับข่าวปลอม
♬ เสียงต้นฉบับ – เยาวชนการเมืองและข่าวปลอม – เยาวชนการเมืองและข่าวปลอม
ทีม TNK TEEM จากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ประเด็น กัญชาฮารอมหรือไม่ฮารอม ได้รางวัล Creative Content Specialist ความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม ผู้ชนะสามารถนำเสนอคลิปที่มีความสร้างสรรค์ในวิธีการนำเสนอ ที่แปลกใหม่ หรือโดดเด่นจากการนำเสนออย่างชัดเจน
ทีม Sarakham Fact Check จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประเด็น บุหรี่ไฟฟ้า ได้รางวัล Unique Editor การตัดต่อหรือเทคนิคการนำเสนอยอดเยี่ยม โดยสามารถนำเสนอคลิปที่มีการใช้เทคนิคการตัดต่อที่แตกต่าง โดดเด่น สร้างเอกลักษณ์ ที่ทำให้คลิปไม่น่าเบื่อ ดูสนุก
ทีม มศว.จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประเด็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับซีอุย ได้รางวัล Excellent Word ภาษาสร้างสรรค์ โดยมีการใช้ภาษาที่สร้างสรรค์ ไม่ก่อให้เกิดการสร้างอคติและความเกลียดชัง และ
ทีม The Movement จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเด็น เยาวชนกับข่าวปลอมทางการเมือง ได้รางวัล Smiling World เนื้อหาสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับคนดู ที่สามารถทำให้คนดูสนุกสนานไปจนตลอดคลิปและได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
“ทีมวิจัยเล็งเห็นความสำคัญของคำ 3 คำคือ คำว่า เยาวชน การเมือง และข่าวปลอม ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทีมวิจัยเห็นพลังเยาวชนออกมามีส่วนร่วมทางการเมือง ขณะเดียวกันเราเห็นข่าวปลอมแพร่กระจายในสื่อสังคมออนไลน์อย่างน่าหวั่นวิตก เราจึงมามองว่าในการต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ หรือที่หลายคนมักเรียกแทนด้วยคำว่าข่าวปลอมนั้น เยาวชนถือว่ามีส่วนสำคัญมากในการต่อสู้กับข่าวปลอม เพราะพฤติกรรมการเสพข่าวสารของเยาวชนอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุด และในสื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ที่แพร่กระจายข่าวปลอมในรูปแบบต่าง ๆ กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสาร ดังนั้น เยาวชนถือเป็นหนึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้แพร่กระจายข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวปลอมที่เกี่ยวกับการเมือง ที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในมิติลบการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเยาวชนไทยตลอด พ.ศ.2563 – 2565 เป็นปรากฎการณ์ที่สังคมไทยไม่ควรมองข้าม ควรพิเคราะห์ถึงต้นตอของการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเยาวชน และค้นหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองดังกล่าว
“เกิดคำถามว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของเยาวชนไทย ถือเป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองหรือไม่เกิดคำถามอีกว่า ข่าวปลอมที่เกี่ยวกับการเมืองในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทวิตเตอร์มีผลต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเยาวชนหรือไม่ เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามเบื้องต้น ในการค้นหาคำตอบ เพื่อนำไปสู่การสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอมผ่านกิจกรรมความรู้การมีส่วนร่วมทางการเมือง และการรู้เท่าทันข่าวปลอม” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิไลวรรณกล่าว
อาจารย์ ดร.นิพนธ์ ตั้งแสงประทีป นักวิจัยและผู้แนะนำการผลิต TikTok ในส่วนประเด็นและเนื้อหากล่าวว่า กล่าวว่า จาก 18 ทีม 13 มหาวิทยาลัยที่ส่ง TikTok เยาวชนการเมืองข่าวปลอมเข้ามาพบว่า ทั้ง 18 ทีมมีประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของผลกระทบในวงกว้าง เรื่องใกล้ตัวในพื้นที่ของนักศึกษาเอง หรือกระแสข่าวที่เกิดขึ้นที่เป็นที่สนใจของสังคม เช่นทีมจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานีที่นำเสนอเรื่อง เปอร์มูดอหรือการชุมนุมของกลุ่มวัยรุ่นชายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำเป็นประจำทุกรายอที่3 เป็นการสะท้อนของเรื่องวัฒนธรรมและอัตลักษณ์แต่ถูกตีความในมิติของความมั่นคงในฝั่งของฝ่ายปกครอง หรือการนำเสนอเรื่องการเมืองในมิติประวัติศาสตร์ของทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยาที่นำเสนอเรื่อง ประวัติศาสตร์พม่าเผากรุงศรีอยุธยาเพื่อเอาทองที่เราเคยเรียนในเนื้อหาประวัติศาสตร์ตำราเรียนในอดีต นักศึกษาได้พยายามสืบค้นหาข้อมูลในเรื่องดังกล่าวและพบว่ามีความเป็นจริงในบางส่วนเท่านั้น ประเด็นเนื้อหาที่นักศึกษาทีมต่างๆทำเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความเข้าใจการผลิตเนื้อหาที่จำเป็นต้องสืบค้นมากยิ่งขึ้นในมิติของการทำข่าว และยังมีกระบวนการตรวจสอบข่าวปลอมที่เกิดขึ้นโดยไม่เชื่อตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในทันที
อาจารย์ พลสัน นกน่วม นักวิจัยและผู้แนะนำการผลิต TikTok ในส่วนของการสร้างสรรค์วิธีการเล่าเรื่อง และการตัดต่อวิดิโอคลิปขนาดสั้น ในฐานะที่ปรึกษา และให้คำแนะนำแก่นักศึกษา ที่เข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ ได้กล่าวว่า โครงการแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่นักศึกษาจากทุกภาคของประเทศไทย ได้มีโอกาสได้แสดงศักยภาพในการผลิตผลงานคลิปขนาดสั้นขึ้นอย่างเต็มที่ในเวลาที่จำกัดภายใต้โจทย์ที่กำหนด ซึ่งแม้จะมีความยาก รวมถึงต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ ในการผลิตชิ้นงานขึ้นมาจำนวน 3 ชิ้น ทั้งในแง่ของเทคนิคการตัดต่อ การถ่ายทำ ไปจนถึงในกระบวนการโปรดักชั่นแล้ว ยังต้องใช้ความสามารถในการมองหาเป็นประเด็นสำหรับที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และข่าวปลอม ซึ่งต้องใช้การตีความที่ค่อนข้างสูง การหาแหล่งข้อมูลเพื่อสนับสนุนเนื้อหารวมถึงต้องทำความเข้าใจประเด็นเป็นอย่างมาก แต่นักศึกษาทุกมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมสามารถนำเสนอผลงานออกมาได้อย่างหลากหลาย ภายใต้โจทย์ที่กำหนดออกมาได้อย่างดี รวมถึงยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของเยาวชน ที่มองประเด็นของเรื่องข่าวปลอม และการเมือง ในมุมมองที่น่าสนใจ และทำให้ได้เห็นว่าเยาวชนคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นเหล่านี้ ขณะเดียวกันในแง่ของการนำเสนอออกมาเป็นคลิปวิดีโอขนาดนั้นสั้น แต่ละกลุ่มก็ผลิตผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ มีเอกลักษณ์ และมีศักยภาพในการผลิตชิ้นงานจริงได้อย่างดีเยี่ยม