ส.ร้านอาหารทวง ‘บิ๊กตู่’ เลิกคุมเหล้าเบียร์ จี้ไฟเขียวขายบ่าย 2-5 โมง

ส.ร้านอาหารทวง ‘บิ๊กตู่’ เลิกคุมเหล้าเบียร์ จี้ไฟเขียวขายบ่าย 2-5 โมง ‘สอท.’ รุก รบ.ตรึงค่าพลังงาน

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายเสน่ห์ สมศรี นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่มีสมาชิกร้านอาหารในห้างและนอกห้างทั่วประเทศกว่า 4 พันแบรนด์ และร้านอาหารทั่วไปกว่า 7 หมื่นคน กล่าวว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อยากขอของขวัญจากรัฐบาล ให้พิจารณาข้อเสนอที่ผู้ประกอบการร้านอาหารได้ร่วมกับ 10 องค์กรยื่นเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจร้านอาหาร คือยกเลิกการกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น. ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2558 เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจของร้านอาหารโดยไม่จำเป็น โดยกฎหมายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2515 หรือกว่า 50 ปีแล้ว เป็นการสร้างความวุ่นวายและผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมักจะมีปัญหากับผู้บริโภคในการทำความเข้าใจในการต้องหยุดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาดังกล่าว

ขณะที่ นางลัดดา สำเภาทอง นายกสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวในภาคของอุตสาหกรรมของธุรกิจร้านอาหารด้วย โดยพิจารณายกเลิกกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาและอุปสรรคในการประกอบธุรกิจร้านอาหารได้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งสนับสนุนให้รัฐบาลเอาจริงกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเมาแล้วขับ

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การช่วยเหลือด้านราคาค่าไฟฟ้า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในระดับสูง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย

Advertisement

ส่วนข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ มาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการ อาทิ ชะลอการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าให้ไม่เกิน 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนเรื่องราคาสินค้า หากราคาพลังงานยังคงตัวอยู่ในระดับสูง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2566 ทางผู้ผลิตหรือภาคเอกชนต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้นเพื่อให้สอดรับกับต้นทุน หรือปรับขึ้นอยู่ที่ 5-12% โดยสินค้าที่จะมีการปรับขึ้นก่อน คือกลุ่มสินค้าแปรรูป ซึ่งสินค้าแต่ละชนิดมีการปรับขึ้นไม่เท่ากัน ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้งช่วงหลังเทศกาลปีใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image