ในหลวง ทรงรับกำลังพล เรือหลวงสุโขทัยล่ม ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวง ทรงรับกำลังพล เรือหลวงสุโขทัยล่ม ในพระบรมราชานุเคราะห์ ด้าน ‘บิ๊กจ๊อด’ แถลงเสียใจเหตุเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง เผยเสียชีวิต 6 นาย รอด 1 นาย สูญหายอีก 23 นาย เตรียมสอบปม’สาเหตุเรือจม-เสื้อชูชีพ’ไม่เพียงพอ

เมื่อเวลา 17.10 น.วันที่ 20 ธันวาคม ที่ห้องชมวังอาคารราชนาวิกสภา พล.ร.อเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ว่า ขอเรียนให้ทราบว่ากองทัพเรือสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้ทรงประทานยาและเวชภัณฑ์ ที่จำเป็นให้กับกำลังพลประจำเรือผู้ประสบภัยทุกนาย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่อกองทัพเรืออย่างหาที่สุดไม่ได้ ทั้งนี้ ตนขอแสดงความเสียใจกับญาติของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่วันนี้ (20 ธันวาคม) จากการลาดตระเวนได้พบผู้ประสบภัย เพิ่ม 6 ราย เป็นผู้ประสบภัยที่มีชีวิต 1 นายและเสียชีวิต 5 นาย

พล.ร.อเชิงชาย กล่าวว่า เรือหลวงสุโขทัย เพิ่งได้รับการซ่อมทำขนาดใหญ่ เป็นระยะเวลา 2 ปี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการในการที่จะไปปฎิบัติการในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี แต่แผนดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการสร้างหรือการขุดลอก ท่าเรือในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน ไม่เป็นไปตามแผน ในวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเรือหลวงสุโขทัย ได้รับภารกิจให้ออกลาดตระเวนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล จากสภาพอากาศที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศให้รับทราบว่าในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่มีมรสุมกำลังแรง เข้ามาในบริเวณประเทศไทยและอ่าวไทยก่อให้เกิดสภาพคลื่นลมที่มีความรุนแรง

ทะเลมีขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 3-4 เมตร ตลอดช่วงอ่าวไทยตั้งแต่อ่าวไทยตอนกลางถึงอ่าวไทยตอนล่าง และเท่าที่ตนทราบมีน้ำเข้าเรือจำนวนมาก โดยน้ำเข้าบริเวณหัวเรือ จนทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเครื่องไฟฟ้า และเครื่องจักรของเรือ ซึ่งทางเรือพยายามสูบน้ำออกตามขั้นตอน โดยมีเครื่องสูบน้ำที่อยู่ในเรือ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถสูบน้ำออกได้ทัน ตามปริมาณน้ำที่เข้ามาเป็นผลทำให้น้ำเข้ามาในตัวเรือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปกติเรือรบจะมีความทนทานทางทะเล มากกว่าเรือทั่วไป เพราะเป็นเรือที่สร้างขึ้นมาเพื่อปฎิบัติการรบ หากบริเวณไหนที่ได้รับความเสียหาย จากการทำการรบก็จะมีการผลึกน้ำ เพื่อให้ลอยอยู่ในเรือในการสู้รบได้ ซึ่งหลังจากที่น้ำเข้ามาในตัวเรือทำให้เครื่องยนต์ด้านซ่ายดับ เหลือเครื่องยนต์ขวาเพียงตัวเดียว เพราะเครื่องยนต์ซ้ายโดนน้ำและเครื่องยนต์ใบจักรสูญเสียการควบคุม ทำให้ไม่สามารถเดินเรือได้

พล.ร.อเชิงชาย กล่าวว่า ซึ่งมาตรการในการช่วยเหลือกำลังพลทุกนาย จะมีเสื้อชูชีพและเรือรบทุกลำจะมีการติดตั้งแพชูชีพอัตโนมัติ บริเวณตัวเรือแต่ชูชีพดังกล่าว สามารถปลดได้ 2 ระบบ คือ แมนนวลและออโตเมติก แพชูชีพโดยอัตโนมัติ ซึ่ง 1 แพชูชีพบรรจุกำลังพลได้ 15 นาย ซึ่งมีอยู่จำนวน 6 แพ เพียงพอต่อกำลังพลที่จะลงไปในแพในกรณีฉุกเฉิน ย้ำว่ากองทัพเรือจะต้องมีการรายงานเหตุการณ์ ตามระเบียบเป็นการรายงานด่วนถึงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกองทัพเรือมีระเบียบว่าด้วยการป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหาย ที่ต้องให้หน่วยที่เป็นผู้บัญชาการของเรือก็คือทัพเรือภาค 1 รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รายงานความสูญเสียทั้งในเรื่องของกำลังพลยุทโธปกรณ์

Advertisement

จากนั้นจะมีการรายงานเรื่องของระเบียบความรับผิดทางละเมิด ที่จะต้องรายงานข้อเท็จจริงไปถึงกระทรวงการคลัง และ นายกฯได้รับทราบตามกฏหมาย เพราะฉะนั้นในรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริงไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของเรือจม หรือสาเหตุที่มีการกล่าวว่าเสื้อชูชีพไม่เพียงพอกับกำลังพลในส่วนที่มาสมทบ เพื่อไปทำภารกิจที่หาดทรายรี จะต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่กองทัพเรือ ฉะนั้นขอให้ประชาชนรับทราบว่าเรามีกฎหมายและมีแนวทางปฎิบัติที่จะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกเรื่องเพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้นรับทราบ

พล.ร.อเชิงชาย กล่าวว่า แต่ในบางเรื่องถ้าเป็นเรื่องของชั้นความลับทางราชการก็ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งทั้งหมดกองทัพเรือไม่มีการปกปิดข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นเราจะสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ทุกคนได้ทราบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย ที่อาจจะสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ มีการตรวจสอบย้อนหลังและงบประมาณในแต่ละปีในการซ่อมบำรุงไม่ได้มีเปอร์เซ็นต์แตกต่างกัน ยังคงเดิมแต่กองทัพเรือ คำนึงถึงเรื่องการใช้งบการซ่อมทำ ยุโธปกรณ์อย่างคุ้มค่า อีกทั้งพิจารณามีการปลดประจำการเรือที่หมดอายุการใช้งานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งปีนี้ปลดเรือตาปี และเรือตรวจการปืน และปีหน้ามีแผนปลดเรือหลวงคีลีรัตน และเตรียมแผนงานต่อเรือฟิเกตลำใหม่

ด้าน พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า ขณะที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางได้มีการส่งเรือไปช่วยเหลือ และเร่งดำเนินการค้นหากำลังพลทั้ง 30 คนแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าในคืนวันที่ 18 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา และเช้าวันที่ 19 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา คลื่นลมแรง การช่วยเหลือต่างๆ ที่ส่งไปเข้าไปถึงยากต่อการช่วยเหลือ ทั้งนี้เวลา 15.00 น. ตรวจพบผู้รอดชีวิตลอยห่างจากจุดที่เรือจมประมาณ 60 กิโลเมตร ย้ำว่ากองทัพเรือยังคงดำเนินการค้นหาลูกเรือที่เหลืออยู่ ทั้งนี้สรุปแล้วตอนนี้เราค้นหาพบแล้ว 81 ราย ยังเหลือที่ยังไม่พบอยู่ในน้ำ อีก 24 ราย และผู้ที่รอดชีวิต 1 นาย พบแล้วมีผู้เสียชีวิต 5 นาย อยู่ระหว่างการนำส่งและพิสูจน์ทราบ ทั้งนี้หลังจากนี้กองทัพเรือร่วมกับกองทัพอากาศจะดำเนินการค้นหากำลังพลลาดอย่างตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าจะพบกำลังพลที่เหลืออีก 24 ราย

Advertisement

ล่าสุด เวลา 20.00 น. ได้รับแจ้งว่า พบอีก 1 นาย แล้ว แต่ปรากฎว่าได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้วันนี้ เจอทั้งหมด 7 นาย แต่เสียชีวิต 6 นาย รอดเพียง 1 นาย กำลังค้นหาที่เหลือ 23 นาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image