ทัพเรือ เคลื่อนขบวน 6 ศพลูกเรือ ร.ล.สุโขทัย ส่งขึ้นเครื่อง C-130 บำเพ็ญกุศลสัตหีบ

ทร.ย้ำปูพรมค้นหา 23 ชีวิตไม่ละความพยายาม เผยบ่ายนี้ นำ 6 ร่างขึ้น C-130 ถึงชลบุรี แจงสิทธิกำลังพล

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงแผนการปฏิบัติการค้นหาและให้การช่วยเหลือกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางในอ่าวไทยว่า สำหรับการปฏิบัติการในการค้นหาและช่วยเหลือ กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย

ในวันนี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานของกองทัพเรือและได้ประสานกับกองทัพอากาศรวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ เข้าร่วมในการค้นหา ซึ่งพื้นที่ในการปฏิบัติการโดยคำนวณจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลมรวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดนำมาพิจารณาพื้นที่ ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว

โดยในวันนี้ ยังคงแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 11 พื้นที่ มีเรือและอากาศยาน รับผิดชอบการค้นหาในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้ เรือหลวงตากสิน อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 5 เรือหลวงนเรศวร อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 9 และทำหน้าที่ควบคุมอากาศยาน เรือหลวงกระบุรี อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 10 และ 11 เรือหลวงนราธิวาส อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 12 เรือ ต.114 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง เรือ ต.270 อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 14

พล.ร.อ.ปกครองกล่าวว่า ในส่วนของการปฏิบัติการของอากาศยาน เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย จากทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 และทัพเรือภาคที่ 3 ทำการค้นหาในพื้นที่ค้นหา 6 และ 10 โดยมี เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบซีฮอว์ก และเฮลิคอปเตอร์ แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศ รอรับการส่งกำลังบำรุงในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนั้นจะมีกำลังทางเรือของหน่วยงานต่างๆ ในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประกอบด้วย ตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึง กรมประมง ร่วมปฏิบัติการค้นหาในพื้นที่บริเวณชายฝั่ง

นอกจากนั้นในส่วนของการสำรวจใต้น้ำนั้น กองทัพเรือ ได้สั่งการให้ กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ นำยานสำรวจใต้น้ำ ของเรือหลวงบางระจัน ทำการบันทึกภาพใต้น้ำบริเวณเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพื่อค้นหาร่างของกำลังพลที่อาจติดค้างอยู่ภายในเรือ รวมถึงการตรวจหารอยรั่วของน้ำมันที่อาจเกิดการรั่วไหล

ADVERTISMENT

สรุปยอดกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย จำนวน 105 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย ยังคงสูญหาย 23 นาย ประกอบด้วย

1.ว่าที่ นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม
2.จ่าเอก ไพร ร่วมญาติ
3. พันจ่าเอก จิราวัฒน์ เจริญศิลป์
4.จ่าเอก บุญเลิศ ทองทิพย์
5.จ่าเอก ชูชัย เชิดชิด
6. จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช
7.จ่าโท สหรัฐ อีสา
8.จ่าตรี นพณัฐ คำวงศ์
9.จ่าตรี สถาพร สมเนื้อ
10.จ่าตรี ศราวุธ นาดี
11.จ่าตรี ศุภกิจ ทิวาลัย
12.จ่าตรี โสภณ วงษ์สนิท
13.จ่าตรี สิริธิติ งามทอง
14.พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร
15.พลทหาร อับดุลอาชีด มะแอ
16.พลทหาร สุทธิพงษ์ หงส์ทอง
17.พลทหาร จำลอง แสนแก
18.พลทหาร ทวีศักดิ์ แซ่เชียว
19.พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม
20.พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี
21.พลทหาร ชลัช อ้อยทอง
22.พลทหาร ชัยชนะ ช่างวาด
23.พันจ่าเอก คุณากร จริยศ

พล.ร.อ.ปกครอง กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย คือ เรือโท สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ พันจ่าเอก อำนาจ พิมที จ่าเอก จักรพงค์ พูนผล และพลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ

ในช่วงบ่ายวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถานบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กองทัพเรือ โดย พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เคลื่อนขบวนร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 6 นาย จากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางทะเล หลังทีมพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคล สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน และโรงพยาบาลบางสะพาน ได้ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว

เดินทางกลับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ จากกองบิน 5 อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับครอบครัวที่มารอรับ ในเวลาประมาณ​ ​13.30 น. และเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี ในช่วงบ่าย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานในพิธีรับกำลังพลที่เสียชีวิต และบำเพ็ญกุศลที่วัดสัตหีบ โดยพิธีจะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างสมเกียรติ

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศล กิจการฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ

พล.ร.อ.ปกครองกล่าวว่า ในส่วนของสิทธิกำลังพลผู้เสียชีวิตนั้น กรณีนี้กองทัพเรือถือว่ากําลังพลดังกล่าวเป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะพิจารณาบําเหน็จด้านสิทธิกําลังพลสูงสุดให้แก่กําลังพลดังกล่าว โดยจะพิจารณาเลื่อนชั้นเงินเดือน 3-5 ชั้น กับขอพระราชทานเลื่อนยศ 2-4 ชั้นยศ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออื่นๆ ตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ โดยแยกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

ชั้นยศ นาวาตรี จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือโท กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,0000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1,200,000 บาท

ชั้นยศ เรือเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผู้ที่มีอายุราชการและฐานเงินเดือนสูงชั้นยศ พันจ่าเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น นาวาตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท

ชั้นยศ จ่าตรี-จ่าเอก จะขอเลื่อนยศและขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พันจ่าโท-เรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 900,000 บาท

ในส่วนของ ทหารกองประจําการขอเลื่อนยศเป็น พันจ่าตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 100,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 600,000 บาท โดยกองทัพเรือจะเร่งรัดการดำเนินการให้กําลังพลและครอบครัวได้รับสิทธิกําลังพลเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้แก่กําลังพลและครอบครัวต่อไป