‘ป้อม’ ลั่นตั้ง รบ. มั่นใจ พปชร. 100 อัพ คุยปี’62 ผุดพรรคแค่ 2 เดือนยังผงาด
เมื่อวันที่ 2 มกราคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรค พปชร.และการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งในปี 2566 เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า พรรคตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลประชาชนคนไทย อยากจะทำอะไรให้กับประชาชนทุกอย่าง ให้อยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้นและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปอีก เป็นความมุ่งหมายของพรรคในการตั้งพรรคมา 3-4 ปีนี้
เมื่อถามว่าขณะนี้กระแสความนิยมของหัวหน้าพรรคมีขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พปชร.จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในครั้งที่แล้วตั้งพรรคมา 2 เดือนก็ได้ ส.ส.ร้อยกว่าคน และคราวนี้อยู่กับพรรคนี้มาตั้ง 4 ปี แล้ว จะไม่ได้ได้อย่างไร หวังอย่างยิ่งว่าประชาชนจะให้ความสนใจต่อพรรค พปชร.เป็นพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลเหมือนครั้งที่ผ่านมา และหวังว่าจะไปร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่
เมื่อถามว่ายืนยันว่าจะทำพรรค พปชร.ให้เป็นสถาบันการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใช่ๆ ตั้งใจว่าจะทำพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป เพราะ ส.ส.ในพรรคทุกคนให้การสนับสนุนร่วมใจอย่างดี เมื่อถามว่าเมื่อปี่กลองการเมืองเริ่มขึ้น และเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ขอพูดเรื่องนี้ และพรรคเองยังไม่ได้เสนอชื่อ
เมื่อถามย้ำว่าในปี 2566 การหาเสียงจะมีการปรับลุค สไตล์หาเสียงด้วยการใส่กางเกงยีนส์เพราะทำให้เกิดกระแสฮือฮาป๊อปปูลาร์ และมีใจบันดาลแรง ในช่วงรักษาการนายกฯตลอด 38 วัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไรพิเศษ ส่วนคำว่าใจบันดาลแรงก็คิดเองหลังจากสื่อมวลชนถามมีแรงบันดาลใจอย่างไรในการทำงานช่วงนั้นว่า ผมใช้ใจบันดาลแรง ไม่ได้ใช้แรงบันดาลใจ เพราะมีแต่ใจเท่านั้น เพราะแรงผมไม่ค่อยมี ขาเดินไม่ค่อยสะดวก ก็เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลยุทธ์เลือกตั้งครั้งหน้ามีไม้เด็ดอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไร อย่างคราวที่แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะมาการเมืองด้วย มาครั้งแรกก็ตกกระไดพลอยโจน เข้ามา 3 ปีเอง อย่างไรก็ตาม หากมีคนสนับสนุนผม ก็ทำไป ถ้าไม่มีใครสนับสนุนผมก็เลิก ผมไม่ได้ประโยชน์อะไรจากทางการเมือง”
เมื่อถามย้ำว่าระหว่างเป็นนักการเมืองมา 3 ปี กับเป็นทหารมาทั้งชีวิต ท่านชอบอะไรมากกว่ากัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ผมบอกเลยว่าผมชอบเป็นทหารมากกว่า ผมไม่ชอบเป็นนักการเมือง”
