‘พิธา’ ย้ำจุดยืน ปฏิเสธระบอบประยุทธ์ – ไม่จับมือพรรคทหารจำแลงตั้งรัฐบาล มั่นใจ อภิปราย 152 เนื้อหาเข้มข้น – แฉทุจริต กระทบคะแนนนิยมรัฐบาล วันเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 มกราคม ที่ตลาดคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคมนี้ ว่า อย่างแรกคือไม่ได้ให้ราคา เพราะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่หรือเซอร์ไพรส์ และอย่างที่สองคือการแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานาน การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ได้ตอบโจทย์ความท้าทายของพี่น้องประชาชน ถ้าเป็นการพูดเกี่ยวกับนโยบายที่แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือการปฏิรูปกองทัพ อาจจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจบ้าง แต่ถ้าเป็นการเปิดตัว ระบอบประยุทธ์เหมือนเดิม ตนคิดว่า ไม่มีอะไรใหม่
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคเพื่อไทย (พท.) จับมือกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดตั้งรัฐบาล พรรค ก.ก. จะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นสมมติฐานหนึ่ง แต่สมมุติฐานของพรรค ก.ก.คือพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายของประเทศไทยที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ส่วนสมมติฐานที่สองคือ เราปฏิเสธประบอบประยุทธ์ และตนยืนยันว่า ไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เราจะเอาเวลาและสมาธิมาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อยากให้พรรคการเมืองติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนจีนในประเทศไทย นายพิธา กล่าวว่า นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เป็นคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานฯ จะติดตามประเด็นนี้ผ่านทาง กมธ.ฯ
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะพูดถึงประเด็นนี้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้ขออุบไว้ก่อนเดี๋ยวรอเฉลย ขอให้รอติดตามดูดีกว่า อย่างไรก็ตามการอภิปรายตามมาตรา 152 อาจจะไม่เหมือนมาตรา 151 ที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่ขอยืนยันว่าเนื้อหาความเข้มข้นเกี่ยวกับการทุจริตและการประพฤติมิชอบ การบริหารราชการล้มเหลว ทั้งในประเด็นสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองจะอยู่ในการอภิปรายครั้งนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้จะเป็นการอภิปรายที่แตกต่างจากครั้งอื่น เพราะพวกตนลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ผ่านการเลือกตั้งที่จะมาถึง จึงจะเป็นการตรวจการบ้านและเปิดโปงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
