ก้าวไกลรุมเฉ่ง กกต. อ้างแอพพ์ราคาแพง ไม่อยากรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์

‘ก้าวไกล’ เฉ่ง กกต.ไม่กระตือรือร้นจัดเลือกตั้ง จี้ลงทุนแอพพ์รายงานผลเรียลไทม์ แลกลบครหารับใช้ ‘คสช.’

เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณี นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.ไม่มีระบบรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หรือการรายงานผลเรียลไทม์ และมองว่าการพัฒนาแอพพลิเคชั่นระบบรายงานผล มูลค่า 20 ล้านบาท ราคาสูงเกินไป ว่าสิ่งที่ กกต.ออกมาพูดคล้ายกับเป็นข้ออ้างว่ายังไม่มีแอพพลิเคชั่นที่พร้อมจะนำไปใช้งานในการรายงานผลแบบเรียลไทม์ แต่ขณะเดียวกันอาจสะท้อนด้วยว่า กกต.ไม่อยากให้มีระบบที่สามารถรายงานผลคะแนนได้อย่างโปร่งใสหรือไม่ ทั้งที่การจัดเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นหน้าที่ของ กกต. หากไม่มีระบบดังกล่าวประชาชนจะเกิดความกังวลว่าไม่เห็นคะแนนหลังปิดหีบระหว่างทาง ไม่รู้เลยว่าผลคะแนนสุดท้ายได้เพิ่มขึ้น หรือลดลง เช่น การเลือกตั้งปี 2562 เกิดข้อครหาเรื่องบัตรเขย่ง ผลคะแนนไม่ตรงกัน แต่ถ้ามีการรายงานผลคะแนนต่อเนื่องจะช่วยให้สื่อมวลชนและประชาชนเห็นความคืบหน้าการนับคะแนน ร่วมกันตรวจสอบ เปรียบเทียบระหว่างผลคะแนนที่ได้กับผลลัพธ์สุดท้ายได้ ซึ่งผลทั้งสองควรจะใกล้เคียงกัน

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์เป็นสิ่งที่ต้องมี เพราะจะทำให้สังคมสิ้นข้อสงสัยและยอมรับผลการเลือกตั้ง และมีแอพพ์ที่พร้อมใช้งานของภาคประชาสังคมทำไว้แล้ว แค่อาศัยการออกระเบียบให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งสามารถรายงานผลคะแนนผ่านแอพพ์เหล่านั้นได้ ก็จะแสดงผลเรียลไทม์ได้ทันที อยู่ที่ กกต.ตั้งใจจะทำหรือไม่

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า กกต.ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมีชนักติดหลัง คือข้อครหาว่ามีที่มาที่ยึดโยง คสช. ดังนั้น หากต้องการพิสูจน์และปกป้องตัวเอง กกต.ต้องทำหน้าที่อย่างโปร่งใส แต่หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง เลือกพรรค ก.ก.ที่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้องค์กรอิสระทุกองค์กรยึดโยงประชาชน ในอนาคตถ้า กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยแบบที่เป็นอยู่ ประชาชนสามารถถอดถอนได้

ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรค ก.ก. กล่าวว่า กกต.ควรแสดงความพร้อมในการจัดเลือกตั้งให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้แม้จะใกล้วันเลือกตั้ง แต่ กกต.ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขต ไม่มีความพร้อมเรื่องแอพพ์รายงานผล ทั้งหมดนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรจัดการเลือกตั้งยิ่งถดถอย วันนี้ประชาชนต้องการฟื้นฟูประเทศด้วยฉันทามติ โดยมีการเลือกตั้งเป็นคำตอบ เขาตระหนักรู้แล้วว่าบทเรียนเมื่อปี 2562 นำไปสู่ความล้มเหลวในกระบวนการทางรัฐสภา ดังนั้น หาก กกต.ยังนิ่งเฉย และทำเรื่องที่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต ตนก็คิดว่าสังคมไทยคงไปต่อยาก

Advertisement

“สุดท้ายอยากให้รัฐสภาเรียกร้องให้ กกต.เปิดกว้างให้นักศึกษาหรือคนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมาช่วยสอดส่องหน่วยเลือกตั้งหลังมีการอบรมด้านกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นที่ทราบกันมาโดยตลอดว่าหน่วยเลือกตั้งหลายจุดกลายเป็นสถานที่อื้อฉาว กลายเป็นแหล่งรวมหัวคะแนนของรัฐบาล และกลายเป็นกลไกของกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น จึงอยากให้มีความโปร่งใสเกิดขึ้นตลอดการเลือกตั้ง” นายปดิพัทธ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image