“วราวุธ” โว มีคนเข้า ชทพ.เรื่อยๆ เชื่อ ส.ว.ไม่กล้าสวนทางเสียงประชาชนแก้ รธน. ลั่น นโยบายเบี้ยคนพิการทำได้จริง ย้ำ ไม่รีบตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาล ขอดูเสียงแต่ละพรรคก่อน ไม่หวั่น ยุบสภาตอนไหน มีค่าเท่ากัน พร้อมทุกเมื่อ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มกราคม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดี กทม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมลงพื้นที่หาเสียงว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของ ชทพ.ได้ลงพื้นที่หาเสียงมาโดยตลอด เมื่อได้คิกออฟแคมเปญ ว้าว ไทยแลนด์แล้ว ตนและกรรมการบริหารพรรคจะตระเวนลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่างๆ ตามที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้องขอ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เพิ่งมาลงพื้นที่กันตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาได้มีการทำงานในทุกๆ พื้นที่มาโดยตลอด ส่วนความคืบหน้าในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.นั้น ขณะนี้มีผู้สนใจเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และร่วมงานกับ ชทพ.มาโดยตลอด คาดว่าจะมีมาเรื่อยๆ จนกว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภา และเมื่อมีการประกาศยุบสภาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการโยกย้ายรอบสุดท้ายกันอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่านโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จะสำเร็จ เพราะที่ผ่านมามี ส.ว.คัดค้าน นายวราวุธกล่าวว่า หากเป็นเสียงของประชาชนแล้วตนคิดว่าองค์กรต่างๆ คงไม่เห็นต่างกับประชาชน เมื่อถามย้ำว่า พรรคฝ่ายค้านเคยเสนอตั้ง สสร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชทพ.จะสามารถร่วมงานได้ด้วยหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ตนคิดว่าใครจะมาร่วมมือกับ ชทพ.ตามแบบที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เคยทำไว้ ซึ่งเป็นต้นแบบของรัฐธรรมนูญปี 40 ชทพ.เรายินดีใครจะมาร่วมทำงานกับพวกเรา
เมื่อถามถึงนโยบายเบี้ยคนพิการเดือนละ 3,000 บาท จะเกิดขึ้นทันทีหลังได้เป็นรัฐบาลเลยหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า จากที่ ชทพ.ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้พิการมานับสิบปี เราตั้งใจจริงในการพัฒนาดูแล ถ้าเรามีโอกาสได้ทำงาน มั่นใจว่านโยบายดังกล่าวจะสามารถผลักดันเพื่อดูแลพี่น้องคนพิการได้ เมื่อถามว่า จะต้องแก้กฎหมายด้วยหรือไม่ เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องงบประมาณ นายวราวุธกล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องคนพิการทั่วประเทศไม่ได้มี 67 ล้านคน จึงไม่ได้หมายความว่าเราให้ 3,000 บาทกับทุกคน แต่ในรายละเอียดการดำเนินการนั้น เงื่อนไขของแต่ละคนที่จะมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยดังกล่าวจะต้องดูสถานะความเป็นอยู่ และรายได้ว่ามีสิทธิ์จะได้รับหรือไม่ เรามั่นใจว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และด้วยงบประมาณที่ดูแลคนพิการของกระทรวงต่างๆ เราสามารถนำเม็ดเงินงบประมาณนี้มาใช้ได้
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าได้ตั้งเงื่อนไขอย่างไรในการจับมือตั้งรัฐบาล นายวราวุธกล่าวว่า ตนพูดอยู่เสมอว่าเลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงเท่าใดต้องพูดคุยกันอีกครั้ง หากตั้งเงื่อนไขวันนี้ไม่เกิดประโยชน์ เมื่อเลือกตั้งแล้วจำนวน ส.ส.ได้มากน้อยแค่ไหนจะเป็นตัวกำหนดเงื่อนไข หากมีอยู่ 3-4 เสียงคงไม่สามารถตั้งเงื่อนไขได้ เมื่อถามย้ำว่า ชทพ.ตั้งเป้าหรือไม่ว่า หลังการเลือกตั้งจะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น นายวราวุธกล่าวว่า ตั้งแต่เป็นพรรคชาติไทยเคยเป็นทั้งพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แกนนำฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน เราเป็นมาหมดแล้ว ไม่ได้เดือดร้อนที่จะเป็นอะไร สำคัญที่ว่า จำนวน ส.ส.ที่เรามีทำงานให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อถามว่า มองว่าจะมีการยุบสภาในช่วงใด นายวราวุธกล่าวว่า วันนี้ใกล้จะสิ้นเดือน ม.ค. เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ ที่จะครบวาระของสภาชุดนี้ ดังนั้น จะยุบสภาเมื่อไหร่ไม่ต่างกัน แต่เราไม่คาดหวังว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่ เมื่อยุบสภาเมื่อไหร่เราก็พร้อมเมื่อนั้น เชื่อว่าวันนี้ทุกพรรคการเมืองอยู่ในโหมดเดียวกัน เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้ที่ยุบสภาก่อนกฎหมายลูกบังคับใช้ จนทำให้เกิดสุญญากาศในกติกาเลือกตั้ง นายวราวุธกล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้น เพราะจะเกิดความวุ่นวายกันอีก เชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องคงดูสถานการณ์ต่างๆ ให้ลงตัว เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งในครั้งต่อไป และคาดว่าจะมีการยุบสภาหลังกฎหมายลูกบังคับใช้แล้ว
เมื่อถามว่า การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นโอกาสให้เราได้ชี้แจงถึงข้อกังขาของสังคมและหลายประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม เป็นโอกาสของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะได้ชี้แจงให้สังคมรับทราบ เมื่อชี้แจงไปแล้วสังคมจะมีความคิดอย่างไรนั้น คงต้องดูเหตุการณ์กันอีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าการทำงานตลอด 3 ปีกว่าของ ชทพ. ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านกังวลว่าจะมีการชิงยุบสภาก่อนการอภิปรายตามมาตรา 152 หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า คิดว่าเป็นการคาดการณ์กันเองมากกว่า เราเองก็คาดเดาไม่ได้ เพราะสิทธิในการยุบสภาเป็นของนายกฯคนเดียว ชทพ.เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น เมื่อมีการเสนอญัตติให้มีการอภิปรายทั่วไป เราก็เตรียมพร้อมในการชี้แจง ส่วนจะยุบสภาหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็น
