‘ธำรงศักดิ์’ เจาะทีละพรรค ใครทำได้จริง ? ลั่น ไม่เชื่อใจอดีตรบ. มาจากรปห.- เคยโกหกคำโต หาเสียงไว้ไม่ทำ

‘ธำรงศักดิ์’ เจาะทีละพรรค นโยบายเศรษฐกิจของใครทำได้จริง ? ลั่น ไม่เชื่อใจอดีตรัฐบาล มาจากการรัฐประหาร เคยโกหกคำโต หาเสียงแล้วไม่ทำ

เมื่อวันที่ 20 มกราคม สืบเนื่องกรณีพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยออกนโยบายหาเสียง มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน อาทิ พรรคเพื่อไทย ชูแรงงานขั้นต่ำวันละ 600 บาท, พรรคพลังประชารัฐ ปรับขึ้นเงินบัตรคนจนเดือนละ 700 บาท, พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้าน, พรรคก้าวไกล จัดสวัสดิการก้าวหน้า ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ดันนโยบายประกันรายได้สินค้าเกษตร ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน เป็นต้น

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ถึงมุมมองที่มีต่อนโยบายดังกล่าวว่า นโยบายหาเสียงออกมาตอนนี้ ตนคิดว่าน่าจะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่เคยเป็นรัฐบาลแล้ว หรือกำลังเป็นรัฐบาลอยู่ 2.กลุ่มที่เป็นฝ่ายค้าน

แฟ้มภาพ

สำหรับ กลุ่มที่เคยเป็นรัฐบาล ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคที่แยกตัวใหม่อย่าง รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งผู้นำของเขาก็คือ ผู้นำ คสช. และมีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่ง 4 พรรคนี้เราจะเห็นได้ว่าในช่วงของการเป็นรัฐบาลมาเกือบ 4 ปี เราแทบไม่เห็นนโยบายตามที่หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งปี 2562

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราจะไว้วางใจพรรคที่เป็นรัฐบาลมาก่อน ว่าจะทำตามนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้งปี 2566 ได้หรือไม่ พฤติกรรมเหล่านั้นชี้ว่า เราไม่น่าจะเชื่อใจได้เลย เพราะการสร้างนโยบาย ก็คือการสร้างภาพและแรงจูงใจให้คนลงคะแนนเสียงให้กับพรรคนั้นๆ

Advertisement

“แต่ตอนนี้ผมคิดว่า ประสบการณ์ของคนไทยที่เคยเลือกพรรคเหล่านี้จะเห็นข้อเท็จจริงอย่างสำคัญว่า พรรคเหล่านี้ไม่ได้ทำตามสิ่งที่ตนประกาศเป็นนโยบาย แถมยังมีหลายเรื่องที่เป็นคำโกหกคำโตด้วย ดังนั้น ผมจึงประเมินว่า เชื่อใจได้ยากต่อพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลมาแล้ว” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าว

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคที่ยังไม่เคยเป็นรัฐบาล หรือ ในส่วนของฝ่ายค้าน เราจะเห็นพรรคเพื่อไทย (พท.) และ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งในกรณีของพรรคเพื่อไทย คนก็จะย้อนกลับไปมองถึงความเป็น ‘พรรคไทยรักไทย’ จากทรงจำที่พรรคไทยรักไทย สามารถผลักดันนโยบายหลายอย่างได้จริง เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งตอนนี้ก็กลับมาในการหาเสียงอีกครั้งหนึ่งว่าจะยกระดับให้ดีขึ้น

“ผมคิดว่าคนเชื่อมั่นจริงๆ จากการที่พรรคนี้เคยทำให้การเข้าถึงโรงพยาบาลที่เป็นไปอย่างยากลำบาก ทำได้ง่ายขึ้น และได้รับการบริการที่ดีขึ้นในช่วงชีวิต 20 ปีที่ผ่านมา คนก็มองเห็นว่าอย่างน้อยๆ ทีมของเพื่อไทย ก็คงเป็นทีมที่สามารถบริหารจัดการ ทำตามวัตถุประสงค์ได้ รวมทั้งเขยิบไปถึงเรื่องเงินเดือนของบัณฑิตจบใหม่ เรื่องของค่าแรงขั้นต่ำที่คนคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเขาบอกแล้วว่า เขาไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงภายในชั่วข้ามวัน แต่เขาจะเตรียมการเพื่อเปลี่ยนแปลงในระยะกี่ปีข้างหน้า ที่จะค่อยๆ ยกระดับ จึงทำให้เราเห็นความหวังว่าเป็นไปได้” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ชี้

Advertisement

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า ในขณะที่พรรคก้าวไกล ไปมุ่งเน้น ‘ต่อสู้กับอำนาจของรัฐทหาร’ เช่น เรื่องของการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ซึ่งตนคิดว่าการรณรงค์ในรอบ 4 ปีของพรรคก้าวไกล จากที่ตนได้ทำการสำรวจทัศนคติของคนเจน Z กับ คนกรุงเทพฯ จะเห็นว่า คนเจน Z 85% ถูกยกระดับให้เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ในขณะที่คนกรุงเทพฯ เกือบ 60% ซึ่งเป็นคนทุกระดับ ก็เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหาร

“กระบวนการทำงานของก้าวไกล ตีประเด็นที่ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชนในทุกๆ ด้าน และได้รับการแพร่กระจาย ดังนั้นคิดว่า 4 ปีที่ผ่านมา คือการยกระดับที่ทำให้ประชาชนเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงสังคม เพราะฉะนั้น ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาลเราก็จะเห็นว่า ต้องเป็นไปได้ นี่คือสิ่งที่ถ้าจะให้มอง ต้องมอง 2 ปีก คือปีกเพื่อไทยและปีกก้าวไกล ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลน่าเชื่อได้ว่าจะสามารถทำหลายนโยบายให้เป็นจริงได้ และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างมโหฬารแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์เผย

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าวถึง นโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้องของพรรคพลังประชารัฐว่า การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพปชร. จะให้เพิ่มบัตรคนจน 700 บาท แค่นี้ก็ตีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว ว่าเป็นของใครกันแน่

“คำถามคือ แค่เพิ่มเป็น 700 บาท ทำไมไม่เพิ่มมาตั้งแต่คุณเป็นรัฐบาล เป็นมา 4 ปี 8 ปี ทำไมคุณไม่เพิ่ม พอมาถึงตอนนี้มาหาเสียงอย่างนี้อย่างนั้น เล็กน้อยเกินไป ฉะนั้น ในแง่หนึ่งของการบรรลุในทางเศรษฐกิจคนมองไปที่เพื่อไทย เพราะจากประสบการณ์คนเห็นแล้วว่า ภายใต้ 4 ปี หรือว่าต่อเนื่องเกือบ 9 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ เราเห็นแต่สภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คนทั้งประเทศก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สภาพเศรษฐกิจพังทลายหมด”

ดังนั้น สภาพแบบนี้คนไม่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นฮีโร่ชั่วข้ามคืนได้ ในการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ เพราะ 2 คนนี้เขาก็ยอมรับแล้วว่า ไม่มีฝีไม้ลายมือ ในจดหมายเปิดผนึกของ พล.อ.ประวิตร เขายอมรับเองแล้วว่าเขาเป็นทหาร ไม่ใช่นักบริหารประเทศที่จะทำให้ประเทศมั่งคั่งร่ำรวยได้ ดังนั้น คุณต้องหันกลับไปมองแล้วว่า จะเป็นพรรคไหน” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ระบุ

 

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ชี้ว่า ถ้าเปรียบเทียบระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทย ตนคิดว่าภูมิใจไทยแม้จะอยู่กับรัฐบาลมา 4 ปีแล้ว แต่ภูมิใจไทยก็ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองหาเสียง กล่าวคือ นโยบายของภูมิใจไทยในปี 2562 ดีมาก แต่พอภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย

“มาทำกัญชาเสรีในช่วงปีสุดท้าย แถมยังไปไม่รอดด้วย คิดว่าคนก็ลดความน่าเชื่อถือให้น้อยลง เพราะฉะนั้น ภูมิใจไทยจึงเป็นแค่พรรคกลางๆ ที่ไม่โดดเด่นอะไร หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้แสดงออกภาพลักษณ์ถึงการเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือได้ ถ้ามองอย่างนี้คนก็น่าจะให้น้ำหนักที่เพื่อไทย จากประสบการณ์ของทีมงานที่ผ่านมาและการมีทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่จะหาทางปรับ ตรงนี้ผมไม่ได้พูดถึงปัญหาทางการเมือง เป็นการพูดเรื่องใครจะทำได้จริง” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์วิเคราะห์

รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ทุกพรรค เราจะเห็นเรื่องการเพิ่มเงินช่วยเหลือ เป็นที่ยอมรับแล้วว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีคนสูงวัยเยอะขึ้น อายุเลย 60 ปีมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นฐานเสียงสำคัญ แต่คำถามคือเงินที่ให้คนชรา 600 บาทนั้น ใช้ได้จริงหรือไม่ในสังคมนี้ ตนคิดว่าอยู่ไม่ได้จริง ฉะนั้นนโยบายหลายพรรคที่พยายามผลักดันถึง 3,000 บาท จึงเป็นชีวิตที่เป็นจริง และทำได้

“ไม่มีอะไรทำไม่ได้ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าพรรคนั้นๆ จะให้น้ำหนักที่ไหน ยกตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งทุกครั้งจะทำให้งบประมาณมาอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข อยู่ที่การพิจารณาชีวิตของมนุษย์ อยู่ที่การสร้างการศึกษา สร้างถนนหนทางให้ดี แต่เมื่อไหร่ที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะนำเงินไปลงที่กระทรวงกลาโหมและความมั่นคง เราถูกดึงเงินตรงนี้ไปจำนวนมากตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 และรัฐประหารปี 2557 เราถูกดึงเงินนับล้านล้านบาทไปอยู่กับความมั่นคง ซึ่งเงินนับล้านล้านบาทนี้ ถ้าเรานำไปสร้างถนนตามโครงการ 20 ปี ตอนปี 2540-2560 เราจะได้มอเตอร์เวย์ถึง 5,000 กม. เท่ากับว่าประเทศไทยเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ ในการนำเงินไปใช้ในสิ่งที่เหมาะสมมากกว่าการรัฐประหาร ดังนั้น ทุกพรรคการเมืองนโยบายเขาดีแน่ แต่ไม่ควรเชื่อพรรคการเมืองที่มาจากรัฐประหาร อีกต่อไป” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ชี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image